คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ถึงวันนี้วงการกีฬาด้านการต่อสู้มี 2 นักสู้ที่โชว์ฟอร์มระดับพระกาฬไล่ต้อนคู่ต่อสู้จนได้รับการยอมรับสุดๆ คือ “นักชกไร้พ่าย” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กับสถิติ 48-0 จากวงการมวยสากลอาชีพ กับ “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ นักสู้ MMA หญิงไร้เทียมทานเจ้าของสถิติ 12-0
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เราซีย์ ขึ้นสังเวียนรายการ UFC 190 พบกับ เบ็ธ คอไรยา สาวนักสู้ชาวบราซิล ก่อนการต่อสู้ในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายเปิดสงครามน้ำลายกันอยู่นั้น สาวบราซิลไปแขวะ เราซีย์ ว่า “ถ้าแพ้เธออย่าเสียใจจนฆ่าตัวตายละกัน” ประโยคนี้ไปสะกิดอดีตอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง เพราะคุณพ่อของเธอนั้นก็ฆ่าตัวตาย ทำให้ขุ่นเคืองมากและประกาศว่า คอไรยา จะต้องเสียใจที่พูดแบบนั้น พอขึ้นเวที สุดยอดนักสู้ MMA หญิงรายนี้ก็ประเคนอาวุธใส่จนผู้ท้าชิงเปิดตำรารับไม่ทันร่วงไปให้กรรมการยุติการต่อสู้ด้วยเวลาแค่ 34 วินาที
ขนาดนั้น เราซีย์ ยังไม่หายแค้น บอกว่ามันนานไปหน่อย น่าจะเก็บ คอไรยา ได้เร็วกว่านี้และให้บอบช้ำกว่านี้ ทางด้านผู้แพ้ก็บอกว่าเธอไม่รู้หรอกว่าพ่อของ เราซีย์ ก็เป็นผู้ที่ฆ่าตัวตาย (ไม่งั้นคงไม่แกว่งปากหาเท้าแน่ – ผมเติมเอง) สรุปแล้ว “อีสาวคาวบอย” เพิ่มสถิติชนะรวดเป็น 12 ไฟต์ เป็นการชนะแค่ยกแรกซะ 11 ไฟต์ และ 4 ไฟต์หลังเธอใช้เวลาบนเวทีรวมๆ กันแล้วแค่ 2 นาที 10 วินาทีเท่านั้น คือไม่ถึงครึ่งยกด้วยซ้ำ
ตอนนี้ เราซีย์ เลยออกอาการร้างคู่ เพราะไฟต์ถัดไปนักสู้ที่ทำฟอร์มหลังดีที่สุดที่จะได้เจอกับเธอ ก็คือ มีชา เทต ซึ่งเจอกันมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก เทต โดนจับอาร์มบาร์เสร็จแค่ยกแรก ครั้งที่ 2 สู้ได้นานหน่อยก่อนจะเสร็จในท่าอาร์มบาร์เหมือนกันในยก 3 แต่กระนั้นก็ทำให้ เทต เป็นนักสู้คนเดียวในโลกนี้ตอนนี้ที่ลากเกมยาวกับ “อีสาวคาวบอย” ได้เกินยกแรก แต่ความที่แพ้กันมาแล้ว 2 ครั้ง พอมีแนวโน้มว่าจะมีภาค 3 แฟนๆ ก็ร้องยี้ไปตามกัน เหลืออีกคนที่แฟนๆ อยากให้เจอกัน ก็คือ คริส “ไซบอร์ก” จุสติโน แต่ก็ยังเกี่ยงเรื่องน้ำหนักกันอยู่
ทีมงานคงกลัวบรรยากาศจะเงียบเหงา เราซีย์ ก็เลยต้องออกมาสร้างสีสันไปพลางๆ ด้วยการแหย่ “นักชกไร้พ่าย” ฟลอยด์ ที่ออกอาการร้างคู่เหมือนกัน ว่า “ถ้า ฟลอยด์ มาเจอกับฉันในแบบฟรีสไตล์ล่ะก็ เสร็จฉันแน่” แถมก่อนหน้านี้ตอนที่ เราซีย์ ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปีจากสถานีโทรทัศน์ ESPN แล้ว ฟลอยด์ ได้อันดับ 2 ทางสาวจอมแกร่งก็เคยแซวไปทีแล้วว่าในที่สุดก็ประสบความพ่ายแพ้ แถมแพ้ผู้หญิงซะด้วย
ฟลอยด์ ก็เลยออกมาแขวะกลับว่า เราซีย์ เป็นใคร ไม่เห็นเคยรู้จัก แถมเหวี่ยงไปถึงวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมด้วยว่าเป็นรายการที่คนสนใจในวงแคบๆ มูลค่าไม่เท่าไหร่ ค่าตัวก็ไม่เท่าไหร่ ไม่เหมือนกับเขาที่ชกแต่ละทีฟันเงินไม่รู้กี่ร้อยล้านเหรียญ สมฉายา “Money” หรือ “นักชกหน้าเงิน” จริงๆ ไฟต์ต่อไปของ ฟลอยด์ ที่กำหนดเจอกับ อังเดร เบอร์โต ประกบคู่แล้วก็มีแต่คนร้องยี้เหมือนกัน เพราะ เบอร์โต ฟอร์มหลัง 6 ไฟต์แพ้ซะ 3 ไฟต์ ไม่สมศักดิ์ศรีที่จะมาเป็นไฟต์ส่งท้ายกับนักชกรายนี้เลย ตอนนี้ทั้งคู่เลยเรียกว่าประสบปัญหาเดียวกัน คือเก่งเกินไปจนไร้คู่ ต้องออกมาทำสงครามน้ำลายสร้างสีสันกันไปอยู่สองคน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ถึงวันนี้วงการกีฬาด้านการต่อสู้มี 2 นักสู้ที่โชว์ฟอร์มระดับพระกาฬไล่ต้อนคู่ต่อสู้จนได้รับการยอมรับสุดๆ คือ “นักชกไร้พ่าย” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กับสถิติ 48-0 จากวงการมวยสากลอาชีพ กับ “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ นักสู้ MMA หญิงไร้เทียมทานเจ้าของสถิติ 12-0
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เราซีย์ ขึ้นสังเวียนรายการ UFC 190 พบกับ เบ็ธ คอไรยา สาวนักสู้ชาวบราซิล ก่อนการต่อสู้ในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายเปิดสงครามน้ำลายกันอยู่นั้น สาวบราซิลไปแขวะ เราซีย์ ว่า “ถ้าแพ้เธออย่าเสียใจจนฆ่าตัวตายละกัน” ประโยคนี้ไปสะกิดอดีตอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง เพราะคุณพ่อของเธอนั้นก็ฆ่าตัวตาย ทำให้ขุ่นเคืองมากและประกาศว่า คอไรยา จะต้องเสียใจที่พูดแบบนั้น พอขึ้นเวที สุดยอดนักสู้ MMA หญิงรายนี้ก็ประเคนอาวุธใส่จนผู้ท้าชิงเปิดตำรารับไม่ทันร่วงไปให้กรรมการยุติการต่อสู้ด้วยเวลาแค่ 34 วินาที
ขนาดนั้น เราซีย์ ยังไม่หายแค้น บอกว่ามันนานไปหน่อย น่าจะเก็บ คอไรยา ได้เร็วกว่านี้และให้บอบช้ำกว่านี้ ทางด้านผู้แพ้ก็บอกว่าเธอไม่รู้หรอกว่าพ่อของ เราซีย์ ก็เป็นผู้ที่ฆ่าตัวตาย (ไม่งั้นคงไม่แกว่งปากหาเท้าแน่ – ผมเติมเอง) สรุปแล้ว “อีสาวคาวบอย” เพิ่มสถิติชนะรวดเป็น 12 ไฟต์ เป็นการชนะแค่ยกแรกซะ 11 ไฟต์ และ 4 ไฟต์หลังเธอใช้เวลาบนเวทีรวมๆ กันแล้วแค่ 2 นาที 10 วินาทีเท่านั้น คือไม่ถึงครึ่งยกด้วยซ้ำ
ตอนนี้ เราซีย์ เลยออกอาการร้างคู่ เพราะไฟต์ถัดไปนักสู้ที่ทำฟอร์มหลังดีที่สุดที่จะได้เจอกับเธอ ก็คือ มีชา เทต ซึ่งเจอกันมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก เทต โดนจับอาร์มบาร์เสร็จแค่ยกแรก ครั้งที่ 2 สู้ได้นานหน่อยก่อนจะเสร็จในท่าอาร์มบาร์เหมือนกันในยก 3 แต่กระนั้นก็ทำให้ เทต เป็นนักสู้คนเดียวในโลกนี้ตอนนี้ที่ลากเกมยาวกับ “อีสาวคาวบอย” ได้เกินยกแรก แต่ความที่แพ้กันมาแล้ว 2 ครั้ง พอมีแนวโน้มว่าจะมีภาค 3 แฟนๆ ก็ร้องยี้ไปตามกัน เหลืออีกคนที่แฟนๆ อยากให้เจอกัน ก็คือ คริส “ไซบอร์ก” จุสติโน แต่ก็ยังเกี่ยงเรื่องน้ำหนักกันอยู่
ทีมงานคงกลัวบรรยากาศจะเงียบเหงา เราซีย์ ก็เลยต้องออกมาสร้างสีสันไปพลางๆ ด้วยการแหย่ “นักชกไร้พ่าย” ฟลอยด์ ที่ออกอาการร้างคู่เหมือนกัน ว่า “ถ้า ฟลอยด์ มาเจอกับฉันในแบบฟรีสไตล์ล่ะก็ เสร็จฉันแน่” แถมก่อนหน้านี้ตอนที่ เราซีย์ ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปีจากสถานีโทรทัศน์ ESPN แล้ว ฟลอยด์ ได้อันดับ 2 ทางสาวจอมแกร่งก็เคยแซวไปทีแล้วว่าในที่สุดก็ประสบความพ่ายแพ้ แถมแพ้ผู้หญิงซะด้วย
ฟลอยด์ ก็เลยออกมาแขวะกลับว่า เราซีย์ เป็นใคร ไม่เห็นเคยรู้จัก แถมเหวี่ยงไปถึงวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมด้วยว่าเป็นรายการที่คนสนใจในวงแคบๆ มูลค่าไม่เท่าไหร่ ค่าตัวก็ไม่เท่าไหร่ ไม่เหมือนกับเขาที่ชกแต่ละทีฟันเงินไม่รู้กี่ร้อยล้านเหรียญ สมฉายา “Money” หรือ “นักชกหน้าเงิน” จริงๆ ไฟต์ต่อไปของ ฟลอยด์ ที่กำหนดเจอกับ อังเดร เบอร์โต ประกบคู่แล้วก็มีแต่คนร้องยี้เหมือนกัน เพราะ เบอร์โต ฟอร์มหลัง 6 ไฟต์แพ้ซะ 3 ไฟต์ ไม่สมศักดิ์ศรีที่จะมาเป็นไฟต์ส่งท้ายกับนักชกรายนี้เลย ตอนนี้ทั้งคู่เลยเรียกว่าประสบปัญหาเดียวกัน คือเก่งเกินไปจนไร้คู่ ต้องออกมาทำสงครามน้ำลายสร้างสีสันกันไปอยู่สองคน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *