เอเยนซี – จากที่เคยยึดครองวงการรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก มาตั้งแต่ปี 2010 ด้วยดีกรีแชมป์โลกติดต่อกันทั้งนักแข่งและทีมผู้สร้าง ทว่าเวลานี้สถานการณ์ของ เรด บูลล์ เรซซิง ยอดทีมดังจากออสเตรีย ร่อแร่เห็นได้ชัดไม่ต่างอะไรกับคนบาดเจ็บนอนรอวันที่หมอจะถอดเครื่องช่วยหายใจ จากความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้ถึงเวลาแล้วพวกเขาต้องตัดสินใจเลือกว่าจะยืมจมูกศัตรูเพื่อต่อลมหายใจ หรือยอมพลีชีพหายจากวงการ
ย้อนไปเมื่อปี 2010 เรด บูลล์ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จากผลงานคว้าแชมป์โลกทั้งนักขับและทีมผู้สร้าง 4 สมัยซ้อนจนถึงปี 2013 ส่วนหนึ่งนอกจากฝีมือของ เซบาสเตียน เวทเทล นักขับชาวเยอรมนีที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเวที เอฟวัน จนสุกงอมแสดงฝีมือการขับได้ไร้ที่ติ เครื่องยนต์ของ เรโนลต์ ผู้สนับสนุนรายใหญ่จาก ฝรั่งเศส ก็เป็นหัวใจสำคัญที่ส่งให้ “กระทิงแดง” โลดแล่นบนแทร็กแบบสง่างาม
ทว่าเมื่อการเปลี่ยนแปลงกฎเครื่องยนต์เข้ามาถึงปี 2014 ที่ เอฟไอเอ และ เบอร์นี เอ็คเคิลสโตน ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ชาวอังกฤษ เห็นพ้องต้องกันที่จะให้ลดระดับเครื่องยนต์จากตัว V8 ที่ใช้มานานมาเป็น V6 ความจุน้ำมันและแรงม้าน้อยลง ทำให้ เรโนลต์ ผู้พัฒนาเครื่องยนต์ให้ เรด บูลล์ ถึงกับไปไม่เป็นแม้จะแก้ไขกันสักกี่รอบ พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างขุมพลังที่ยอดเยี่ยมดังเช่นอดีตจนถูก เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 และโดนทิ้งห่างไปไกล
เรด บูลล์ จบฤดูกาล 2014 โดยไม่มีแชมป์โลกเป็นครั้งแรก แต่ยังมีแชมป์สนามจาก แดเนียล ริคคิอาร์โด ให้ได้ชื่นใจ สวน เวทเทล ได้แค่ขึ้นโพเดียมที่ 3 ก่อนชิ่งไปขับให้ เฟอร์รารี ขณะที่ฤดูกาล 2015 ทีมซิ่งภายใต้การนำของ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ผ่านไป 13 เรซ ไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือ แต่ก็มาได้โพเดียมอันดับ 3 ที่ ฮังการี กับที่ 2 ล่าสุดใน สิงคโปร์ ส่วนสถานการณ์บนตารางคะแนนประเภททีม อยู่อันดับ 4 มี 139 แต้ม ห่างไกลจ่าฝูง เมอร์เซเดส เป็นกิโลฯ
เรื่องนี้ทำเอาผู้บริหารเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้ทั้ง ดีทริตช์ มาเตซิช เจ้าของทีมและ ดร.เฮลมุท มาร์โก ที่ปรึกษา รายหลังนี่ออกลูกงอแงจะไม่ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันอีกแล้วในปีหน้า หากไม่ได้เครื่องยนต์ชั้นดีที่จะส่งให้ทีมกลับมาอยู่แถวหน้าของวงการ ล่าสุดก็แยกทางกับ เรโนลต์ ที่ร่วมทางกันมายาวนานไปแล้ว ซึ่งฝั่งผู้ผลิตเครื่องยนต์จากฝรั่งเศส ชั่งใจอยู่ว่าจะเอาอย่างไร คาดว่าน่าจะส่งทีมเข้ามาชิงชัยในชื่อของตัวเอง ตามหลัง ฮาสส์ เรซซิง ที่จะเข้ามาปีหน้า
ณ เวลานี้ ทีมเอฟวันจาก ออสเตรีย มีทางเลือกอยู่สามทางที่ต้องชี้เป็นชี้ตาย หนึ่งคือไปขอยืมเครื่องยนต์ของ เมอร์เซเดส ซึ่งถือเป็นเครื่องที่ดีที่สุดของยุคนี้มาใช้ ซึ่งก็ไม่ถือว่าผิดหลักแต่ประการใดเพราะเอาเข้าจริงทีมแข่งหลายทีมก็ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ของตัวเองอยู่แล้ว เช่น เซาเบอร์ ที่ใช้ของ เฟอร์รารี, แม็คลาเรน ที่ผนึกกำลังกับ ฮอนด้า หรือ โลตัส ที่ใช้ของ เมอร์เซเดส อยู่เหมือนกัน ทว่าขึ้นอยู่กับฝีมือช่างแต่ละทีมว่าจะปรับแต่งอย่างไรให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ต้องถามด้วยว่าทีมงานของ โตโต โวล์ฟฟ์ จะยอมหยิบยกเครื่องยนต์ตัวเก่ง W Hybrid ให้หรือไม่เพราะมองอีกทางก็เหมือนหยิบยื่นหอกให้ศัตรูเอามาทิ่มแทงภายหลัง โดยหากไม่สำเร็จก็ต้องเบนไปทางเลือกที่สองคือขอหยิบยืมเครื่องของ “ม้าลำพอง” ที่ศักยภาพพอฟัดพอเหวี่ยงมาใช้แบบชั่วคราว ซึ่งทีมงานจาก มาราเนลโล ก็ดูไม่มีปัญหาอะไรขอแค่ตกลงกันได้ก็พร้อมยื่นให้ทันที เพราะมองว่าเป็นการช่วยเหลือกันมากกว่า
ตัวเลือกสุดท้ายคือทำสัญญาขายทีมให้กับ โฟล์กสวาเกน ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จาก เยอรมนี ที่ร่ำๆอยากกระโดดเข้าสู่โลก เอฟวัน มานานแล้วแต่ยังหาจังหวะเหมาะๆไม่ได้ ข่าวล่าสุดระบุใกล้บรรลุข้อตกลงกันแล้ว เหลือแค่รายละเอียดปลีกย่อย โดย เรด บูลล์ จะลดบทบาทมาเป็นสปอนเซอร์หลักโดยให้ โฟล์กฯ ลุยสร้างรถของตัวเอง แล้วจะเปลี่ยนชื่อทีมหรือไม่อย่างไรก็ต้องดูอีกทีตามแต่ผลประโยชน์ ส่วนที่มีข่าวกับ ออดี ก่อนหน้าก็ดีลล่มไปแล้ว
ทว่าใช่ว่าเซ็นสัญญาแล้วจะมาได้เลย เพราะ โฟล์กฯ ต้องการเวลา 2 ปีศึกษาแนวทางการสร้างรถและทำความคุ้นเคยกับโครงสร้างการทำงานใน เอฟวัน ก่อน คาดว่าน่าจะปรากฏตัวได้ในฤดูกาล 2018 ซึ่งจาก 3 ตัวเลือกที่มีนับว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วของ เรด บูลล์ ดีกว่าทิ้งความสำเร็จในอดีตไว้แค่ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ยิ่ง เอฟวัน ตอนนี้มีเรื่องของผลประโยชน์และเม็ดเงินจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหาศาลหมุนเวียนอยู่ มีหรือที่ทีมบอร์ดของ เรด บูลล์ จะยอมทิ้งไปง่ายๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *