xs
xsm
sm
md
lg

ญาติเหยื่อเสี่ยรถเบนซ์ แจ้ง‘ฆ่าผู้อื่น’เพิ่มอีกข้อหา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พระนครศรีอยุธยา - สองครอบครัวญาติ "นศ.ปริญญาโท" เหยื่อเสียรถเบนซ์ "เจนภพ วีรพร" พร้อมทนายความเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอินเพิ่มเติมเพื่อประกอบสำนวน พร้อมแจ้งข้อเสียรถเบนซ์ "ฆ่าผู้จนเสียชีวิต"อีก 1 ข้อหา จากเดิมมี 7 ข้อหา ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญยืนยัน 26 เมษาสรุปสำนวนเจนภพเสี่ยเบนซ์ซิ่งชนฟอร์ดให้อัยการสั่งฟ้องได้ ด้านคดีทายาทกระทิงแดง ทราบผลพิจารณาข้อบกพร่องพนักงานสอบสวน ภายในสัปดาห์นี้

จากเหตุการณ์สะเทือนใจที่นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี เสี่ยนำเข้ารถหรูและเป็นลูกชายของนายเจษฎา วีรพร กรรมการบริษัท เลนโซ่ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซิ่งรถเบนซ์สีดำรุ่น CLK ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถเก๋งฟอร์ดรุ่นเฟียสต้า ทะเบียน ฆย 6911 กรุงเทพมหานคร อย่างแรงจนรถคู่กรณีเกิดไฟลุกท่วมย่างสด นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี คนขับและเป็นนิสิตปริญญาโท คณะพุทธศาสน์ สาขาสันติภาพของ มจร.กับ น.ส.ธันฐภัทร หรือเบนซ์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี นิสิตปริญญาโทที่เดียวกันเสียชีวิตสยอง 2 ศพ เหตุเกิดที่ถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (19 เม.ย.59) ที่ สภ.บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายทิวาพร ฮ้อแสงชัย พ่อของ น.ส.ธันฐภัทร หรือเบนซ์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี และนางทองทิพย์ ถาวร แม่ของนายกฤษณะ หรือโต้ง ถาวร อายุ 32 ปี พร้อมญาติๆ และทนายความเข้าพบ พ.ต.อ.พิษณุ ต๊ะปิ่นตา ผกก.(สอบสวน) สภ. บางปะอิน พร้อมพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมและแจ้งข้อหาเพิ่มเพื่อประกอบสำนวนใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

นายวิเชียร ชุบไธสง ทนายความ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า วันนี้ครอบครัวของ น้องเบนซ์ และครอบครัวของ น้องโต้ง ทั้ง 2 ครอบครัวเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนมี 2 กรณี คือ 1.เชิญพ่อแม่ผู้เสียหายสอบปากคำเพิ่มเติม 2.ทั้ง 2 ครอบครัวมีความเห็นตรงกันว่าให้พนักงานสอบสวนพิจารณาคดีแจ้งข้อหาเพิ่มคือ ฆ่าผู้อื่นจนเสียชีวิต

ส่วนอีก 1 ข้อหาจากเดิมมี 7 ข้อหาคือ 1.ขับรถโดยประมาณเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและมีผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.ขับรถในขณะหย่อนความสามารถหรือขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3.ขับด้วยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของคนอื่น 4.ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 5.ผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 6.เป็นผู้ขับขี่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของพนักงานสอบสวน 7.ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานสั่งตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งนั้น โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร

ทนายความ กล่าวต่อว่า การเพิ่มข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นทางทั้ง 2 ครอบครัวเห็นตรงกันว่าพิจารณาแล้วผู้ต้องหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดผลพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าขณะขับขี่นั้นมีความเร็ว 257 กม.ต่อชั่วโมง ทนายทั้ง 2 ครอบครัวเห็นพฤติการณ์ใช้ความเร็วของรถยนต์บนถนนสาธารณะเล็งผลได้ว่าไปเฉี่ยวชนคนอื่นตายได้ ตามมาตรา 43 ทวิ 57/1 พ.ร.บ.จราจร เป็นเรื่องกฎหมายเอาผิดวัตถุออกฤทธิ์ ประกอบผู้ขับขี่เสพยาเสพติดจริงหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ทราบผลของยาเสพติด

ส่วนผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้ตรวจก็สามารถใช้มาตราอื่นได้ การเมาสุราไม่ยอมให้ตรวจสันนิษฐานเบี้องต้นเมาแล้วขับมีโทษ 3-4 ปี ส่วนทางด้านคดีได้ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เดินทางมาได้ 80% แล้วในการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฆ่าผู้อื่น พนักงานสอบสวนต้องสอบเพิ่มอีกภายในเดือนนี้ก่อนส่งไปให้พนักงานอัยการส่งฟ้องศาล

ทนายความคนเดิม กล่าวต่อว่า ก่อนส่งฟ้องเราขอดูบทสรุปของพนักงานสอบสวนก่อนว่า แจ้งข้อกล่าวหาครบถ้วนหรือเปล่า หากไม่ครบจะร้องขอความเป็นทำต่อศาลหรือผู้เสียหายยืนฟ้องเองได้ตอนนี้ก็รอพนักงานสอบสวนทำงานต่อไป

**"พงศพัศ"เผย26เม.ย.สรุปคดีเสี่ยเบนซ์ซิ่งให้อัยการฟ้อง

วานนี้(19 เม.ย.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) กล่าวเปิดเผยความคืบหน้าคดีรถเบนซ์ชนรถยนต์ฟอร์ด ว่าวันที่ 26 เม.ย.นี้ ตนเองจะเดินทางไปตรวจดูความเรียบร้อยและความครบถ้วนของสำนวนคดีที่ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาขับรถเบนซ์ชนท้ายรถยนต์ฟอร์ด เป็นเหตุให้ น.ส.ธัญฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย และ นายกฤษณะ ถาวร สองนักศึกษาปริญญาโท จนถูกไฟคลอกเสียชีวิต จากนั้นจะนำสำนวนส่งให้พนักงานอัยการเพื่อสั่งฟ้องผู้ต้องหา เบื้องต้นมี 7 ข้อหา อาทิ ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและขับรถขณะมึนเมา ส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่น ที่ญาติของผู้เสียชีวิต ขอให้พนักงานสอบสวนแจ้งเพิ่มเนื่องจากเห็นว่านายเจนภพ ใช้ความเร็วมากนั้น จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆแล้ว ยังไม่มีข้อบงชี้ชัดว่าผู้ต้องหามีเจตนาฆ่าผู้อื่น จึงยังไม่มีความเห็นแจ้งข้อหานี้เพิ่มเติม

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีกระทิงแดง ด้วยว่า ขณะนี้กองคดีและกฎหมาย ยังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อบกพร่องของคณะพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ที่ทำคดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังขับรถชนตำรวจนครบาลทองหล่อเสียชีวิต เมื่อปี 2555 โดยจะนำความเห็นของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดมาพิจารณาด้วย ซึ่งคาดว่าผลการตรวจสอบจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้

ก่อนส่งเรื่องกลับมาให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พิจารณาอีกครั้ง หากพบว่ามีความบกพร่องจริง ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามระเบียบขั้นตอนต่อไป ซึ่ง ผบ.ตร.ย้ำว่าหากพบความผิดจริง ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้พนักงานสอบสวนที่กำลังถูกพิจารณาความข้อบกพร่องในคดีนี้มี 9 นาย และส่วนตัวยอมรับว่ามีบางคน ที่เข้าข่ายบกพร่องจริง--จบ--
กำลังโหลดความคิดเห็น