พระนครศรีอยุธยา - “เจนภพ วีรพร” หรือ “พระเจนภพ” พร้อมทีมทนายความ และตัวแทนคนในครอบครัวเดินทางมารับฟังคำสั่งฟ้องที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังศาลมีการเรียกตัวมารับฟังคำสั่งฟ้อง ก่อนยื่นประกันตัว 250,000 บาท ด้านตัวแทนครอบครัวเผยศาลนัดสมานฉันท์ ทั้ง “พระเจนภพ” และญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย 5 ก.ค.59 นี้ ในส่วนของคำฟ้องทังหมดทางทีมทนายความจะปรึกษากันอีกครั้งว่าจะรับหรือไม่รับในคำฟ้องข้อหาใดบ้าง เบื้องต้น ทางพระเจนภพ ยอมรับผิดทั้งหมด
จากกรณีที่ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี เสี่ยนำเข้ารถหรู และเป็นลูกชายของนายเจษฎา วีรพร กรรมการบริษัท เลนโซ่ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ หมายเลขทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด หมายเลขทะเบียน ฆย 6911 กรุงเทพมหานคร จนเกิดไฟลุกท่วม และเป็นเหตุให้ นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี ซึ่งทั้งคู่เป็นนิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาซากรถ เหตุเกิดที่บนถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.59 ที่ผ่านมา ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้ส่งสำนวนการสอบสวน จำนวน 686 หน้า ให้แก่เจ้าพนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องโดยตั้ง 8 ข้อหาแก่ นายเจนภพ วีรพร ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (30 พ.ค.) นายเจนภพ วีรพร หรือพระเจนภพ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมกับ นายเจริญ แก้วยอดหล้า ตัวแทนคนในครอบครัว และทีมทนายความ เพื่อรับฟังคำสั่งฟ้อง 8 ข้อหาที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนายเจนภพ วีรพร หรือพระเจนภพ นั่งรถยนต์ตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน ษง 7777 กทม เข้ามาจอดที่ด้านหน้าศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยทัสีหน้าเคร่งเครียด และรีบเดินขึ้นศาลไปทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด
นายเจริญ แก้วยอดหล้า ตัวแทนคนในครอบครัว กล่าวว่า ในสวนขอคดีไม่ขอพูด เราเพียงทำในสิ่งที่เราควรทำตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีนี้ ในส่วนของพระ ตอนแรกก็จะบวช 15 วัน แต่หลังจากบวชแล้วก็อยากจะศึกษาธรรมต่อ และที่สำคัญพระท่านตั้งใจอย่างยิ่งจะอุทิศส่วนกุศลขออโหสิกรรมต่างๆ ในส่วนของเรา เราทำเต็มที่ หมายความว่า ตั้งแต่วินาทีแรกเราพร้อมที่จะขอขมา พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีนี้ และเราก็เข้าใจผู้เสียหาย เพราะเราอยู่ในฐานะที่จะพูดอะไรได้ เพียงแต่ว่าทำในสิ่งที่ควรทำรับผิดชอบในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิด และแก้ไข
“ส่วนพระเจนภพ ช่วงนี้ยังอยู่ในสมณเพศ จริงๆ แล้วท่านจะสึกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2559 แต่ยังขอบวชต่อ ส่วนคำสั่งฟ้องเราต้องดูเรื่องคำฟ้องว่าอันไหนรับได้เรารับ แต่อยากบอกว่าเราไม่ได้มาสู้อยู่แล้ว วันนี้เรามาตามกระบวนการศาลเราไม่หลบเลี่ยงหลบหนีจนกระทั่งเรื่องจะยุติ” นายเจริญ แก้วยอดหล้า ตัวแทนคนในครอบครัว กล่าว
ต่อมา เมื่อเวลา 11.00 น. ภายหลังรับทราบคำฟ้อง พระเจนภพ พร้อมด้วย นายเจริญ และทีมทนายความได้เดินลงจากศาล โดยพระเจนภพ ยังไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ ก่อนรีบเดินทางไปฉันเพล
นายเจริญ กล่าวอีกครั้งว่า ตามคำฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 1528 ระบุว่า นายเจนภพ เป็นผู้ต้องหา แต่ในสถานภาพปัจจุบัน นายเจนภพ เป็นสมณเพศ หรือพระได้รับฉายาว่า “ตัสฺสวํโส” แปลว่า ผู้เป็นวงศ์แห่งพระตัสสพุทธเจ้า เราต้องกลับไปปรึกษากับทางพระเถระชั้นผู้ใหญ่ถึงความเหมาะสมว่า เรายังคงอยู่ในฐานของพระได้หรือไม่ เพราะตัว พระเจนภพ ท่านยังมีความประสงค์ที่จะบวชเพื่อศึกษาธรรมะ และปฏิบัติธรรมอยู่ ทางทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว จำนวน 250,000 บาท
“ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้นัดสมานฉันท์ทั้งทางพระเจนภพ และญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ในวันที่ 5 ก.ค.59 ในส่วนของคำฟ้องทังหมดนั้นทางทีมทนายความจะปรึกษากันอีกครั้งว่าจะรับหรือไม่รับในคำฟ้องข้อหาใดบ้าง ในเบื้องต้น ทาง นายเจนภพ ยอมรับผิดทั้งหมดที่ผิดพลาดไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วไปแก้ไขไม่ได้แล้ว แต่เราจะแก้ไขเยียวยาผลที่เกิดขึ้น เท่าที่ได้คุยกับทาง พระเจนภพ ท่านรู้สึกผิด และเสียใจเป็นอย่างมาก ท่านถึงได้บวชพระ และได้ไปศึกษาหลักธรรมปฏิบัติธรรมที่วัดป่าใน จ.นครราชสีมา เราพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาล และทางญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย” นายเจริญ กล่าว