xs
xsm
sm
md
lg

“พงศพัศ” รุดช่วยครูน้อยแม่พระเด็กด้อยโอกาส หลังประกาศปิดบ้านเลี้ยงเด็ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
พล.ต.อ.พงศพัศ รอง ผบ.ตร. รุดช่วยเหลือครูน้อยแม่พระเด็กด้อยโอกาส หลังประสบปัญหาการเงินเป็นหนี้กว่า 1,600,000 บาท เตรียมนัดเจรจาเจ้าหนี้ไกล่เกลี่ยหนี้สิน เจ้าตัวยืนยันไม่เคยนำเงินบริจาคเข้ากระเป๋า พร้อมจะปรับปรุงระบบการเงิน

วันนี้( 1 ส.ค.)เมื่อเวลา 10.00 น.ที่บ้านครูน้อย เลขที่ 319 หมู่ที่ 1 ซอยราษฎร์บูรณะ 26 เขตราษฎร์บูรณะ กทม. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.วจ. พ.ต.อ.ชูศักดิ์ เตชะรักษ์พงษ์ รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.เจษฎา สวยสม ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ และ พ.ต.ท.ชรินทร์ บัวเผื่อนหอม รอง ผกก.ป.สน.ราษฎร์บูรณะ เดินทางมาร่วมกันเลี้ยงอาหารกลางวัน เด็กๆ ที่อยู่ในความดูแลของนางนวลน้อย หรือครูน้อย ทิมกุล อายุ 73 ปี พร้อมทั้งมอบเงินตั้งต้นให้กับครูน้อยจำนวน 100,000 บาท

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ครูน้อยประกาศว่าจะปิดบ้านครูน้อยลงหลังประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งคราวที่แล้วมีการพูดคุยเรื่องหนี้สินที่เกิดขึ้น หลังจากที่ได้พูดคุยครูน้อยจึงตัดสินใจยังไม่ปิดบ้าน ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นการเปิดบ้านครูน้อยวันแรกและจะเปิดดูแลเด็กๆ อีกอย่างน้อย 3 ปี โดยหลังจากที่มีการพูดคุยกับพ่อแม่เด็กที่อยู่ในความดูแลของครูน้อยพบว่า แต่ละคนต่างประสบปัญหาต่างๆ บางครอบครัวมีลูกถึง 3 คนแต่มีฐานะยากจน พ่อแม่บางคนถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ทำให้ไม่สามารถดูแลเด็กๆได้

จึงนำมาฝากบ้านครูน้อยดูแล วันนี้จึงมอบเงินตั้งต้นในการนำไปใช้จ่าย และไม่อยากให้ไปกู้หนี้ยืมสินต่อไป สำหรับหนี้นอกระบบที่ครูน้อยไปหยิบยืมมานั้น ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหนี้บางรายและมีการใช้หนี้ให้ไปบ้างแล้วบางส่วน ซึ่งจากการสอบถามครูน้อยทราบว่ามีเจ้าหนี้ทั้งหมด 21 ราย ทางเราได้ดำเนินการใช้หนี้ไปแล้วบางส่วนจำนวนเงินกว่า 1,600,000 บาท และยังเหลืออีกบางส่วนทาง ผกก.อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาพูดเรื่องหนี้สินของครูน้อย

ด้านครูน้อย กล่าวว่า หลังจากที่ประกาศว่าจะปิดบ้านตนรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความสุขเลย ซึ่งที่ผ่านมาตนเองมีความผูกพันกับเด็กๆ ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกตนเองก็มีความเอ็นดูเหมือนลูกแท้ๆ และการช่วยเหลือครั้งนี้ถึงว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีของชีวิตเด็กๆ และครู ที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ตนเองขอยืนยันว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับบริจาคมาตนเองไม่เคยเอาเข้ากระเป๋าแม้แต่บาทเดียว ทุกอย่างที่หมดไปก็เพราะต้องนำมาจำจ่ายซื้อข้าวของมาดูแลเด็กกว่า 65 คน การทำงานของตนเองเมื่อก่อนยอมรับว่าไม่มีระเบียบและกฎเกณฑ์ ซึ่งจะให้เปลี่ยนมาใช้แนวการดูแลเด็กเหมือนที่อื่นๆ นั้นตนเองก็ลำบากใจ แต่ก็จะหันหลังกลับไปมองว่าที่ผ่านมาผิดพลาดอย่างไร














กำลังโหลดความคิดเห็น