“จูดี้” ลงพื้นที่ติดตามคดีตำรวจกรุงเก่ายักยอกยาบ้าของกลางขาย สั่งให้ออก-ดำเนินการทางปกครองผู้บังคับบัญชา กล่อมเมียติดต่อผัวที่ยังหลบหนีมอบตัวโดยเร็ว
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รับผิดชอบงานด้านปราบปรามยาเสพติด เดินทางติดตามความคืบหน้ากรณีตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 5 นาย ยักยอกของกลางยาบ้าจำนวน 18,000 เม็ด ไปขายเป็นเงิน 855,000 บาท ซึ่งสามารถจับกุม ด.ต.บุญสืบ ชุ่มยิ้ม ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้ที่ริมถนนสายเอเซียขณะกำลังส่งยาบ้า และอีก 4 นายที่ยังหลบหนี ได้แก่ ร.ต.ต.ประมาณ วอนกล่ำ อายุ 54 ปี รอง สวป.ช่วยราชการงานสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา, ร.ต.ต.มานพ เอี่ยมสำอาง อายุ 46 ปี รอง สว.สส.สภ.พระนครศรีอยุธยา, ด.ต.ทรงวุฒิ แสนใจ อายุ 50 ปี ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา และ ด.ต.ฉลวย กลิ่นโกสุม อายุ 44 ปี ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งศาลได้อนุมัติออกหมายจับไปแล้ว โดยมี พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยูธยา ให้การต้อนรับ โดย พล.ต.อ.พงศพัศได้เข้าพูดคุยกับ ด.ต.บุญสืบเพื่อสอบถามเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า กรณีนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.มีความห่วงใยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตำรวจโดยรวม โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันปราบปรามยาเสพติด การที่ตำรวจเป็นผู้กระทำผิดเสียเองเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และได้สั่งการให้ต้นสังกัดดำเนินการอย่างเข้มงวดทั้งด้านคดีอาญาและทางวินัย โดยเฉพาะการดำเนินการทางปกครองกับผู้บังคับบัญชา
“การที่ตำรวจเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง ตามกฎหมายต้องรับโทษเป็นสามเท่าอยู่แล้ว และทางวินัยก็ได้ให้ข้าราชการตำรวจทั้งหมดออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนการดำเนินการทางปกครองกับผู้บังคับบัญชาได้มีการสั่งให้ไปช่วยราชการ ซึ่งจะได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าปล่อยปละละเลยจริงก็จะมีการพิจารณาลงโทษทัณฑ์ต่อไป หรือหากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นด้วยก็จะถูกดำเนินคดีอาญา ส่วนมาตรการการสืบสวนปราบปราม ในวันนี้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 ได้เรียกผู้กำกับการทุกสถานีตำรวจในสังกัดภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยชุดสืบสวนปราบปรามจับกุมยาเสพติดทั้งหมด เข้าร่วมประชุมเพื่อปรับมาตรการในการปฏิบัติให้รัดกุม และป้องกันไม่ให้มีตำรวจคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของยาเสพติดได้อีก” รอง ผบ.ตร.ระบุ
จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศเดินทางไปยังบ้านพักข้าราชการตำรวจที่อยู่หลังที่ทำการ สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพบกับภรรยาของตำรวจทั้ง 4 นายที่ถูกออกหมายจับ และอยู่ระหว่างหลบหนี โดย พล.ต.อ.พงศพัศได้ชี้แจงการดำเนินการตามขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ขณะนี้ศาลได้ออกหมายจับแล้ว ตำรวจทั้ง 4 นายจะต้องรีบเข้ามอบตัวเพื่อพิสูจน์ความผิดตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรหลบหนี เพราะในที่สุดตำรวจก็จะต้องติดตามจับกุมตัวจนได้ ทั้งนี้ พล.ต.อ.พงศพัศได้ขอให้ภรรยาของตำรวจทั้ง 4 นาย พูดคุยทำความเข้าใจกับสามีหากมีการติดต่อมา และรีบเข้ามอบตัว ส่วนการประกันตัวจะได้หรือไม่อยู่ในดุลยพินิจของศาล
“ภรรยาของตำรวจทั้ง 4 นาย เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ดีขึ้น และรับปากว่าจะพยายามบอกให้สามีเข้ามอบตัวโดยเร็วที่สุด และทั้งหมดได้ขอความเป็นธรรมให้กับสามีตนเองด้วย เนื่องจากทุกคนได้ทำงานด้านการปราบปรามยาเสพติดมาเป็นเวลานาน มีผลงานมาโดยตลอด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด อย่างไรก็ตามจะต้องต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งได้บอกกับทั้ง 4 คนว่าทางพนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นธรรม และทำคดีนี้ด้วยความโปร่งใส ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือให้ร้ายใครทั้งสิ้น” พล.ต.อ.พงศพัศกล่าว