คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
หลังจากแสดงความยินดีกับนักสู้ MMA ไทย เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค ที่ไปคว้าแชมป์รายการ One Fighting Championship รุ่นสตรอว์เวทจากศึก One FC 27 – Warrior’s Quest เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ในรายการเดียวกัน ยังมีนักสู้ MMA ไทยขึ้นสังเวียนอีกราย แถมเป็นดาวจรัสแสงในวงการ MMA ไทยซะด้วย ชนนภัทร วิรัชชัย หรือชื่อในการสู้ว่า Shannon Cai เจ้าของฉายา One Shin ที่คอลัมน์นี้เคยเขียนถึงไปแล้วครั้งหนึ่ง
ชนนภัทร หรือ “ครูตอง” ในวงการ MMA วัย 26 ปี พกสถิติสู้ 5 ชนะ 3 แพ้ 1 ไม่ตัดสิน 1 ครั้ง ขึ้นสู้ในเฟเธอร์เวท พบกับนักสู้หนุ่มเจ้าถิ่นชาวสิงคโปร์ที่อายุน้อยกว่าถึง 6 ปี อาเมียร์ ข่าน เจ้าของสถิติสู้ 4 ชนะ 3 แพ้ 1 ครั้ง เรียกว่าดีกรีไม่เบา เป็นถึงแชมป์มวยไทยแห่งสิงคโปร์ ที่สำคัญไฟต์ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เองเพิ่งเอาชนะ เบเชอร์ “สมชาย” อาหมัด นักสู้จากปากีสถานผู้ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับ ชนนภัทร มาแล้ว ในขณะที่นักสู้ไทยนั้นเรื้อเวทีมาปีกว่าจากอาการบาดเจ็บ เดิมมีคิวขึ้นสู้เมื่อเดือนเมษายนก็มาเจ็บซะอีก เพิ่งได้คืนสังเวียนในรายการนี้เอง
ไฟต์นี้สู้กัน 3 ยก ยกละ 5 นาที นักสู้สิงคโปร์อาศัยทักษะมวยไทยเข้าทำนักสู้ไทยที่เป็นนักสู้ MMA คนเดียวก็ว่าได้ที่ไม่ได้เคยเป็นนักมวยไทยมาก่อน เพราะมีพื้นฐานมาจากการเป็นนักยูโด และฝึกมวยปากัวมา แต่หลังๆ มานี้ “ครูตอง” รู้ว่าจุดอ่อนของตัวเองคือการที่ไม่ได้มีพื้นฐานมวยไทยมาก่อน ทำให้การออกอาวุธไม่เฉียบคมเท่าที่ควร เลยได้ไปฝึกกับ “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ถึงค่าย “ไทเกอร์มวยไทย” คราวนี้เลยไม่ยั่น ยืนสู้สาดอาวุธใส่กันอย่างสนุกสนาน ชนิดที่เรียกว่าผ่านไปยกเศษๆ 9 นาที ไม่มีการลงไปสู้บนพื้นในเกมกราวนด์ไฟต์เลย จนกระทั่งนาทีสุดท้ายของยกที่ 2 ที่ อาเมียร์ ข่าน สบจังหวะทำ “เทคดาวน์” ดึง “ครูตอง” ของเราลงไปบนพื้น แต่นักสู้ไทยมีพื้นฐานเกมบนพื้นที่ดีอยู่แล้วป้องกันตัวสบายจนข่านทำอะไรไม่ถนัด
มิหนำซ้ำตั้งแต่กลางยก 2 เป็นต้นมา ชนนภัทร เริ่มเร่งเครื่องเดินเข้าทำประเคนอาวุธเข้าใส่ รวมทั้งโชว์ศอกกลับงามๆ 2 ดอก แถมยังมีการฟันศอกงามๆ ทำเอาเจ้าถิ่นแตกที่หางคิ้วซ้าย พอมายก 3 นักสู้สิงคโปร์ที่หนุ่มกว่ากลับออกอาการหมด ยืนรับอาวุธอย่างเดียว ก่อนจะสบจังหวะจับ “วันชิน” เหวี่ยงลงพื้นได้อีกครั้งในช่วงนาทีสุดท้าย เรียกเสียงเชียร์จากกองเชียร์เจ้าถิ่นได้สนั่น ทั้งคู่นอนฟัดกันอย่างดุเดือดจนครบยกชนิดสูสีดูไม่ออกว่าใครจะชนะ สุดท้ายกรรมการให้คะแนนนักสู้ไทยว่าเข้าทำได้ดีกว่าตัดสินให้ชนะไปแบบไม่เอกฉันท์ เพิ่มสถิติสวยงาม สู้ 6 ชนะ 4 แพ้ 1 ไม่มีการตัดสิน 1 ครั้ง
หลังการต่อสู้ อาเมียร์ ข่าน ออกมาร้องขอล้างตา แต่ “ครูตอง” พลิ้วได้สวยบอกว่ามีนักสู้ดีๆ ในรุ่นนี้อีกตั้งเยอะที่เรายังไม่เคยเจอ ต่างฝ่ายน่าจะก้าวข้ามไฟต์นี้ไปมากกว่า ถ้าเส้นทางของทั้งสองฝ่ายจะมาเจอกันอีกก็ขอให้เป็นในไฟต์ชิงแชมป์ในอนาคตจะสวยกว่า เรียกว่าคมสุดๆ ไฟต์นี้ดูรูปการแล้วเหมือนนักสู้ไทยจะถือโอกาสฝึกฝนวิชาที่ได้มาจาก “ไทเกอร์มวยไทย” เน้นการยืนสู้ การออกอาวุธ และการป้องกันอาวุธ ซึ่งก็ต้องบอกว่าทำได้ดีขึ้นแม้จะไม่เนียนซะทีเดียว แต่แบบนี้ก็ต้องถือว่า “ครูตอง” จะเป็นนักสู้ที่ครบเครื่องขึ้นและน่าจะเป็นความหวังให้แฟนๆ MMA ไทยได้ตามเชียร์กันอีกยาวๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
หลังจากแสดงความยินดีกับนักสู้ MMA ไทย เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค ที่ไปคว้าแชมป์รายการ One Fighting Championship รุ่นสตรอว์เวทจากศึก One FC 27 – Warrior’s Quest เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ในรายการเดียวกัน ยังมีนักสู้ MMA ไทยขึ้นสังเวียนอีกราย แถมเป็นดาวจรัสแสงในวงการ MMA ไทยซะด้วย ชนนภัทร วิรัชชัย หรือชื่อในการสู้ว่า Shannon Cai เจ้าของฉายา One Shin ที่คอลัมน์นี้เคยเขียนถึงไปแล้วครั้งหนึ่ง
ชนนภัทร หรือ “ครูตอง” ในวงการ MMA วัย 26 ปี พกสถิติสู้ 5 ชนะ 3 แพ้ 1 ไม่ตัดสิน 1 ครั้ง ขึ้นสู้ในเฟเธอร์เวท พบกับนักสู้หนุ่มเจ้าถิ่นชาวสิงคโปร์ที่อายุน้อยกว่าถึง 6 ปี อาเมียร์ ข่าน เจ้าของสถิติสู้ 4 ชนะ 3 แพ้ 1 ครั้ง เรียกว่าดีกรีไม่เบา เป็นถึงแชมป์มวยไทยแห่งสิงคโปร์ ที่สำคัญไฟต์ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เองเพิ่งเอาชนะ เบเชอร์ “สมชาย” อาหมัด นักสู้จากปากีสถานผู้ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับ ชนนภัทร มาแล้ว ในขณะที่นักสู้ไทยนั้นเรื้อเวทีมาปีกว่าจากอาการบาดเจ็บ เดิมมีคิวขึ้นสู้เมื่อเดือนเมษายนก็มาเจ็บซะอีก เพิ่งได้คืนสังเวียนในรายการนี้เอง
ไฟต์นี้สู้กัน 3 ยก ยกละ 5 นาที นักสู้สิงคโปร์อาศัยทักษะมวยไทยเข้าทำนักสู้ไทยที่เป็นนักสู้ MMA คนเดียวก็ว่าได้ที่ไม่ได้เคยเป็นนักมวยไทยมาก่อน เพราะมีพื้นฐานมาจากการเป็นนักยูโด และฝึกมวยปากัวมา แต่หลังๆ มานี้ “ครูตอง” รู้ว่าจุดอ่อนของตัวเองคือการที่ไม่ได้มีพื้นฐานมวยไทยมาก่อน ทำให้การออกอาวุธไม่เฉียบคมเท่าที่ควร เลยได้ไปฝึกกับ “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ถึงค่าย “ไทเกอร์มวยไทย” คราวนี้เลยไม่ยั่น ยืนสู้สาดอาวุธใส่กันอย่างสนุกสนาน ชนิดที่เรียกว่าผ่านไปยกเศษๆ 9 นาที ไม่มีการลงไปสู้บนพื้นในเกมกราวนด์ไฟต์เลย จนกระทั่งนาทีสุดท้ายของยกที่ 2 ที่ อาเมียร์ ข่าน สบจังหวะทำ “เทคดาวน์” ดึง “ครูตอง” ของเราลงไปบนพื้น แต่นักสู้ไทยมีพื้นฐานเกมบนพื้นที่ดีอยู่แล้วป้องกันตัวสบายจนข่านทำอะไรไม่ถนัด
มิหนำซ้ำตั้งแต่กลางยก 2 เป็นต้นมา ชนนภัทร เริ่มเร่งเครื่องเดินเข้าทำประเคนอาวุธเข้าใส่ รวมทั้งโชว์ศอกกลับงามๆ 2 ดอก แถมยังมีการฟันศอกงามๆ ทำเอาเจ้าถิ่นแตกที่หางคิ้วซ้าย พอมายก 3 นักสู้สิงคโปร์ที่หนุ่มกว่ากลับออกอาการหมด ยืนรับอาวุธอย่างเดียว ก่อนจะสบจังหวะจับ “วันชิน” เหวี่ยงลงพื้นได้อีกครั้งในช่วงนาทีสุดท้าย เรียกเสียงเชียร์จากกองเชียร์เจ้าถิ่นได้สนั่น ทั้งคู่นอนฟัดกันอย่างดุเดือดจนครบยกชนิดสูสีดูไม่ออกว่าใครจะชนะ สุดท้ายกรรมการให้คะแนนนักสู้ไทยว่าเข้าทำได้ดีกว่าตัดสินให้ชนะไปแบบไม่เอกฉันท์ เพิ่มสถิติสวยงาม สู้ 6 ชนะ 4 แพ้ 1 ไม่มีการตัดสิน 1 ครั้ง
หลังการต่อสู้ อาเมียร์ ข่าน ออกมาร้องขอล้างตา แต่ “ครูตอง” พลิ้วได้สวยบอกว่ามีนักสู้ดีๆ ในรุ่นนี้อีกตั้งเยอะที่เรายังไม่เคยเจอ ต่างฝ่ายน่าจะก้าวข้ามไฟต์นี้ไปมากกว่า ถ้าเส้นทางของทั้งสองฝ่ายจะมาเจอกันอีกก็ขอให้เป็นในไฟต์ชิงแชมป์ในอนาคตจะสวยกว่า เรียกว่าคมสุดๆ ไฟต์นี้ดูรูปการแล้วเหมือนนักสู้ไทยจะถือโอกาสฝึกฝนวิชาที่ได้มาจาก “ไทเกอร์มวยไทย” เน้นการยืนสู้ การออกอาวุธ และการป้องกันอาวุธ ซึ่งก็ต้องบอกว่าทำได้ดีขึ้นแม้จะไม่เนียนซะทีเดียว แต่แบบนี้ก็ต้องถือว่า “ครูตอง” จะเป็นนักสู้ที่ครบเครื่องขึ้นและน่าจะเป็นความหวังให้แฟนๆ MMA ไทยได้ตามเชียร์กันอีกยาวๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *