คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ยังต่อเนื่องกับแวดวงศิลปะการต่อสู้แบบผสม เพราะช่วงนี้มีข่าวความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ได้ตลอด โดยเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทาง One Fighting Championship รายการศิลปะการต่อสู้แบบผสมรายใหญ่ของเอเชียที่พยายามยกระดับการต่อสู้ทั้งด้านการจัดการแข่งขันและฝีมือของนักสู้ รวมทั้งพยายามโปรโมทรายการในระดับเอเซียเพื่อสร้างนักสู้ให้ก้าวไปสู่ระดับโลกให้มากขึ้น ก็แถลงข่าวพร้อมระเบิดศึกศิลปะการต่อสู้แบบผสมขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย
อันที่จริงในไทยเรามีรายการศิลปะการต่อสู้แบบผสมอยู่หลายรายการ แต่ไม่ได้รับการโปรโมทมากนัก ทำให้ส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นข่าวรู้กันอยู่เฉพาะในแวดวงผู้ติดตามจริงๆ ที่สำคัญนับจากที่ทาง การกีฬาแห่งประเทศไทยออกมา หรือ กกท. “เหยียบเบรก” รายการศิลปะการต่อสู้แบบผสมเมื่อ 2-3 ปีก่อน ก็ยิ่งทำให้รายการที่จัดๆ กันอยู่เงียบลงไปอีก แต่หลังๆ นี้มีนักสู้ไทยก้าวไปโชว์ฟอร์มในรายการ One FC กันมากขึ้น ทำให้เกิดกระแสขึ้นอย่างแรงจนในที่สุดทาง One FC ก็พร้อมระเบิดศึกใหญ่ในเมืองไทยดังกล่าว
โดยรายการนี้กำหนดจัดที่ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทอง ในวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ภายใต้ชื่อรายการว่า “Kingdom of Champions” โดยการประกบคู่ต่อสู้ในรายการยังไม่มีการประกาศออกมา แต่ที่แน่ๆ คู่เอกแฟนๆ MMA ชาวไทยจะได้ชมฝีมือของ “ไอ้ตาดุ” เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค เจ้าของตำแหน่งแชมป์ One FC ในรุ่นสตรอว์เวท ขึ้นสังเวียนป้องกันตำแหน่งเป็นครั้งแรกแบบเต็มตาแน่นอน นอกจากนั้นเชื่อว่าทาง One FC เตรียมระดมนักสู้ชาวไทยในสังกัดขึ้นเวทีโชว์ฟอร์มให้แฟนๆ ได้ชมฝีมืออย่างใกล้ชิดแน่นอน แน่นอนรวมทั้ง “ครูตอง” ชนนภัทร วิรัชชัย นักสู้ MMA มืออาชีพชาวไทยหนึ่งเดียวคนนี้ที่ไม่ได้มาจากการเป็นนักมวยไทยมาก่อน แต่โชว์ฟอร์มได้เหลือรับประทานมาตลอด
ตอนที่มีข่าวเกี่ยวกับรายการ One FC นี้ทางด้านผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ออกมาติดเบรกอีกครั้งว่าอย่าลืมว่า MMA ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดในเมืองไทย ซึ่งก็ทำให้มีการถกเถียงกันพอสมควร ตอนนี้ล่าสุดยังไม่ชัดเจนว่ารายการนี้จะได้เกิดขึ้นหรือไม่ แต่เชื่อว่าคงมีความพยายามที่จะหาทางออกกันอยู่ ก็ได้แต่หวังว่าจะสรุปกันได้ด้วยดี เพื่อให้แฟนกีฬาประเภทนี้ชาวไทยได้มีโอกาสสัมผัสรายการต่อสู้ระดับอินเตอร์อย่างใกล้ชิด ส่วนคนที่ไม่ได้ติดตามใกล้ชิดก็จะได้มีโอกาสสัมผัสและดูให้เห็นกับตาว่ากีฬาประเภทนี้ไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างที่เคยเข้าใจกัน รวมทั้งไม่ได้จะทำลายวงการมวยไทยด้วย แต่กลับจะเป็นการต่อยอดวงการมวยไทยให้ก้าวไปในสังเวียนระดับโลกที่มีแฟนติดตามมากขึ้นทุกวันๆ มากกว่าด้วยซ้ำไป
ยังต่อเนื่องกับแวดวงศิลปะการต่อสู้แบบผสม เพราะช่วงนี้มีข่าวความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ได้ตลอด โดยเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทาง One Fighting Championship รายการศิลปะการต่อสู้แบบผสมรายใหญ่ของเอเชียที่พยายามยกระดับการต่อสู้ทั้งด้านการจัดการแข่งขันและฝีมือของนักสู้ รวมทั้งพยายามโปรโมทรายการในระดับเอเซียเพื่อสร้างนักสู้ให้ก้าวไปสู่ระดับโลกให้มากขึ้น ก็แถลงข่าวพร้อมระเบิดศึกศิลปะการต่อสู้แบบผสมขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย
อันที่จริงในไทยเรามีรายการศิลปะการต่อสู้แบบผสมอยู่หลายรายการ แต่ไม่ได้รับการโปรโมทมากนัก ทำให้ส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นข่าวรู้กันอยู่เฉพาะในแวดวงผู้ติดตามจริงๆ ที่สำคัญนับจากที่ทาง การกีฬาแห่งประเทศไทยออกมา หรือ กกท. “เหยียบเบรก” รายการศิลปะการต่อสู้แบบผสมเมื่อ 2-3 ปีก่อน ก็ยิ่งทำให้รายการที่จัดๆ กันอยู่เงียบลงไปอีก แต่หลังๆ นี้มีนักสู้ไทยก้าวไปโชว์ฟอร์มในรายการ One FC กันมากขึ้น ทำให้เกิดกระแสขึ้นอย่างแรงจนในที่สุดทาง One FC ก็พร้อมระเบิดศึกใหญ่ในเมืองไทยดังกล่าว
โดยรายการนี้กำหนดจัดที่ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทอง ในวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ภายใต้ชื่อรายการว่า “Kingdom of Champions” โดยการประกบคู่ต่อสู้ในรายการยังไม่มีการประกาศออกมา แต่ที่แน่ๆ คู่เอกแฟนๆ MMA ชาวไทยจะได้ชมฝีมือของ “ไอ้ตาดุ” เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค เจ้าของตำแหน่งแชมป์ One FC ในรุ่นสตรอว์เวท ขึ้นสังเวียนป้องกันตำแหน่งเป็นครั้งแรกแบบเต็มตาแน่นอน นอกจากนั้นเชื่อว่าทาง One FC เตรียมระดมนักสู้ชาวไทยในสังกัดขึ้นเวทีโชว์ฟอร์มให้แฟนๆ ได้ชมฝีมืออย่างใกล้ชิดแน่นอน แน่นอนรวมทั้ง “ครูตอง” ชนนภัทร วิรัชชัย นักสู้ MMA มืออาชีพชาวไทยหนึ่งเดียวคนนี้ที่ไม่ได้มาจากการเป็นนักมวยไทยมาก่อน แต่โชว์ฟอร์มได้เหลือรับประทานมาตลอด
ตอนที่มีข่าวเกี่ยวกับรายการ One FC นี้ทางด้านผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ออกมาติดเบรกอีกครั้งว่าอย่าลืมว่า MMA ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดในเมืองไทย ซึ่งก็ทำให้มีการถกเถียงกันพอสมควร ตอนนี้ล่าสุดยังไม่ชัดเจนว่ารายการนี้จะได้เกิดขึ้นหรือไม่ แต่เชื่อว่าคงมีความพยายามที่จะหาทางออกกันอยู่ ก็ได้แต่หวังว่าจะสรุปกันได้ด้วยดี เพื่อให้แฟนกีฬาประเภทนี้ชาวไทยได้มีโอกาสสัมผัสรายการต่อสู้ระดับอินเตอร์อย่างใกล้ชิด ส่วนคนที่ไม่ได้ติดตามใกล้ชิดก็จะได้มีโอกาสสัมผัสและดูให้เห็นกับตาว่ากีฬาประเภทนี้ไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างที่เคยเข้าใจกัน รวมทั้งไม่ได้จะทำลายวงการมวยไทยด้วย แต่กลับจะเป็นการต่อยอดวงการมวยไทยให้ก้าวไปในสังเวียนระดับโลกที่มีแฟนติดตามมากขึ้นทุกวันๆ มากกว่าด้วยซ้ำไป
