ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังประกาศเว้นวรรคจากวงการไปตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไทเกอร์ วูดส์ ยังไม่ออกมายืนยันว่าศึก “เดอะ มาสเตอร์ส” ชิงเงินรางวัลรวม 9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 288 ล้านบาท) เมเจอร์แรกของปี 2015 จะลงล่าแชมป์ที่สนาม ออกัสตา เนชันแนล กอล์ฟ คลับ อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงที่ “พญาเสือ” จะกลับมาจับก้านเหล็กระหว่างวันที่ 9-12 เมษายนนี้ เพราะห่างหายจากเกียรติยศแชมป์ระดับเมเจอร์หยุดสถิติเอาไว้ที่ 14 ใบมานับตั้งแต่ปี 2008
เรียกได้ว่าโอกาสของ ไทเกอร์ นั้นเหลือน้อยเต็มที่แล้ว แถมปัจจัยต่างๆ ที่ไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้หากกลับมาล่า “กรีน แจ๊คเก็ต” ก็ต้องเผชิญกับความกดดันแสนสาหัส ถือเป็นสภาวะตึงเครียดกดดันกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกและต้องรับมือให้ได้ ดังนั้นจึงอยากให้บอกลาตำแหน่งแชมป์เมเจอร์ไปได้เลยจาก 6 เหตุผลดังต่อไปนี้
1.อายุ - คำกล่าวที่ว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” แต่ใช้ไม่ได้สำหรับอาชีพนักกีฬา เพราะเมื่อถึงวัยที่ต้องอำลาก็ยากที่จะเข็นให้ไปต่อจากการที่สังขารไม่เอื้ออำนวย ถือเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ โดยตอนนี้ ไทเกอร์ วัย 39 ปีแล้ว อยู่ในจุดที่สำคัญที่สุดหรือหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะสามารถก้าวข้ามเพื่อแข่งขันต่อไปได้หรือไม่ แจ๊ค นิคคลอส ตำนานชาวอเมริกัน เคยคว้าแชมป์ที่ ออกัสตา ด้วยวัย 46 ปี ส่วน ฟิล มิคเคลสัน ตอนนี้ก็ 44 ปี แต่ต้องทำใจว่าคงไม่อาจท้าทายแชมป์ได้เป็นว่าเล่นเหมือนเคย คงเป็นได้แค่ตัวประกอบของทัวร์นาเมนต์เท่านั้น
2.สุขภาพ - เหตุนี้ถือว่าเชื่อมโยงกับอายุที่จะบั่นทอนศักยภาพของ ไทเกอร์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อายุมากขึ้นไม่มีอะไรดีทั้งนั้น แต่สำหรับกีฬากอล์ฟอาจจะได้เรื่องสมาธิและความนิ่ง ประสบการณ์ที่สั่งสมมาช่วยในภาวะกดดันเล่นช็อตยากได้ แต่ถ้าสุขภาพไม่เอื้ออำนวยก็ยากขึ้นทวีคูณ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่านักกอล์ฟเจ้าของ 14 แชมป์ระดับเมเจอร์นั้นบาดเจ็บมาแล้วทั่วทั้งร่างกายไม่ว่าจะเป็น คอ ข้อศอก ข้อมือ หลัง เข่า และเอ็นร้อยหวาย ซึ่งบางจุดเมื่อเจ็บแล้วไม่สามารถรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมได้ร้อยเปอร์เซนต์
3.ความเชื่อมั่น - ระดับ ไทเกอร์ ที่ผ่านมาแทบไม่มีรายการไหนหรือสนามใดบนโลกใบนี้ที่ไม่เคยได้แชมป์ ดังนั้นฟอร์มที่ตกลงไปก็น่ามาจากก้นบึ้งของตนเองตกอยู่ภายใต้เงาที่สลัดไม่หลุด ยุคทศวรรษ 2000 เขาคือนักกอล์ฟที่ดีที่สุดในโลก ทุกคนเชื่อว่าจะคว้าแชมป์ไม่ว่าทัวร์นาเมนต์ไหน เจ้าตัวก็เช่นกัน แต่เวลานี้ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เหมือนสิ่งที่บั่นทอนตั้งแต่วินาทีที่ที-ออฟหลุมแรก นอกจากนี้ยังขาดสัญชาตญาณในการไล่ล่า เมื่อเป็นเช่นนี้คู่แข่งก็เล่นได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมี “พญาเสือ” ตัวเดิมมาปาดหน้าคว้าแชมป์
4.ช็อตพัตต์ - ไทเกอร์ ในฟอร์มที่ดีที่สุดยามยืนอยู่บนกรีนไม่ว่าไลน์พัตต์จะยากแค่ไหนก็สามารถเปลี่ยนเป็นขนมขบเคี้ยว ทุกอย่างดูง่ายและไกลดูใกล้ไปหมด แม้ว่าจะฟันเงินมหาศาลจากการเป็นพรีเซนเตอร์ใช้ผลิตภัณฑ์กีฬาของ “ไนกี้” แต่ดูเหมือนว่าพัตเตอร์อย่าง Nike Method จะไม่ทำงานดั่งใจคิด เพราะก่อนหน้านี้เขาใช้ Scotty Cameron ที่กวาดแชมป์มาแล้วถึง 13 เมเจอร์ เรียกได้ว่าลูกกอล์ฟเหมือนกับมีรีโมทคอนโทรล แต่ตอนนี้สภาพของอดีตมือ 1 ของโลกเหมือนกับ “อินเดียนแดง” ไร้ “ลูกธนู” จะไปทำอันตรายใครได้
5.วงสวิงใหม่ - เมื่อสภาพร่างกายของ ไทเกอร์ มีปัญหา เขาต้องปรึกษาโค้ชเพื่อปรับวงสวิงใหม่ไม่ให้อวัยวะที่เคยบาดเจ็บต้องระบมซ้ำ เหมือนเป็นการลดภาระให้ร่างกาย แน่นอนว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยการบิดตัวของส่วนต่างๆ เพื่อสร้างเกลียวในการตีลูกออกไป ซึ่งวงใหม่ของเขานี้ออกจะเหมือนนักกอล์ฟปกติทั่วไปมากที่สุด โดยที่ผ่านมานั้นมีการเปลี่ยนผู้ฝึกซ้อมมาแล้วทั้ง บุตช์ ฮาร์มอน กับ ฌอน โฟลีย์ ปิดท้ายด้วย คริส โคโม ดังนั้นทุกอย่างตอนนี้ดูเรียบง่าย แต่ผลงานที่ออกมานั้นถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
6.การแข่งขันเข้มข้น - ปัจจุบัน พีจีเอ ทัวร์ มีการขับเคี่ยวกันอย่างถึงพริกถึงขิง นอกจากเกียรติยศและโทรฟีย์ยังหมายถึงเงินรางวัลที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไทเกอร์ ได้แชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส เมื่อปี 1997 พร้อมเงินรางวัล 486,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15.5 ล้านบาท) ส่วนปี 2013 แชมป์ตกเป็นของ อดัม สกอตต์ ชาวออสซี ได้เงิน 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 48 ล้านบาท) ดังนั้นเหตุผลข้อนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวนักเตะกีฬาคนใดคนหนึ่งแล้ว ที่ผ่านมาเขาอาจจะทำเงินคว้าแชมป์มากมาย แต่ก็มักจะมีคนที่ดีกว่าเสมอ
เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *