คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
หากใครไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดคงตกใจกับกระแสข่าวกรณีที่ การท่าเรือ เอฟซี สโมสรเก่าแก่ของเมืองไทย มีสิทธิ์ที่จะต้องร่วงตกชั้นจากลีกสูงสุดหรือหนักข้อถึงขั้นถูกตัดสิทธิ์จากการเป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งจะทำให้หมดสิทธิ์ลงฟาดแข้งรายการต่างๆที่ถูกรับรองอย่างเป็นทางการ
ต้นตอทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ มาธิอัส คริสเตน ศูนย์หน้าทีมชาติลิกเตนสไตน์ ฟ้องร้องต่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟา) ว่าถูกสโมสร สิงห์ ท่าเรือ ภายใต้การบริหารงานของ “โบว์ลิง” ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง ผู้จัดการทีม ค้างค่าจ้างและค่าชดเชยจากการยกเลิกสัญญา โดยเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นราว 4,275,000 บาท ทางลูกหนังโลกจึงส่งเรื่องถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพื่อแจ้งให้สโมสรได้รับทราบ
ด้าน สิงห์ ท่าเรือ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมสู้คดีโดยการยื่นเอกสารหลักฐานไปที่สมาคมฟุตบอลฯเพื่อหวังให้ส่งต่อไปที่ฟีฟาให้ได้พิจารณา แต่แล้วหลังผ่านไปราว 1 เดือน จู่ๆฟีฟาได้แจ้งมาว่าการพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นที่สิ้นสุดแล้ว พร้อมยื่นเดดไลน์ให้ สิงห์ ท่าเรือ ชำระค่าเสียหายตามที่กำหนด มิเช่นนั้นอาจถูกลงโทษในขั้นตอนต่อไปได้ ทำให้สโมสรถึงกับควันออกหูและมาล่วงรู้ภายหลังว่าลูกหนังไทยไม่ได้ส่งเรื่องต่อให้แต่อย่างใด
โดยสมาคมฟุตบอลฯอ้างว่า การต่อสู้คดีนี้เป็นเรื่องระหว่างสโมสรกับฟีฟาไม่เกี่ยวข้องกับทางสมาคมฯ โดยสโมสรต้องเป็นผู้ส่งเรื่องชี้แจงไปที่ฟีฟาด้วยตนเอง จึงส่ง มาธิอัส เป็นฝ่ายชนะคดีไปอย่างง่ายดาย ดังนั้นเมื่อถึงกำหนดชำระ สิงห์ ท่าเรือ ที่ยืนกรานว่าตนเองไม่ได้ทำผิดจึงไม่ยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าปรับชนิดหลังชนฝา
เมื่อเป็นเช่นนี้ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลไทย จึงสั่งการให้ ทีพีแอล นำเงินค่าสนับสนุนทีมก้อนสุดท้ายประจำฤดูกาล 2014 จำนวน 6 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้มอบให้กับ สิงห์ ท่าเรือ สำรองจ่ายไปให้ก่อนเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่จะตามมา จึงทำให้ สิงห์ ท่าเรือ ไม่พอใจเพราะมองว่าเป็นเรื่องที่ทำโดยพลการและเล็งที่จะฟ้องเอาผิด
แต่แล้ว การท่าเรือแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าของสิทธิ์ส่งทีมเข้าแข่งขันได้เรียกคืนสิทธิ์การทำทีมจาก บริษัท สิงห์ ท่าเรือ จำกัด คู่สัญญาเอ็มโอยูที่ทำทีมมา 2 ปี กลับมาบริหารงานเอง พร้อมเปลี่ยนชื่อทีมเป็น การท่าเรือ เอฟซี โดยมี พลเรือเอก อภิชาติ เพ็งศรีทอง เป็นประธานสโมสร ขณะที่ผู้บริหารชุด สิงห์ ท่าเรือ ก็ยุบเลิกไป
สมาคมฟุตบอลฯจึงมีนโยบายยุติข้อขัดแย้ง โดยให้ผู้บริหารชุดใหม่เป็นผู้รับผิดชอบแทน โดยมีคำสั่งให้หักเงินส่วนหนึ่งจากเงินค่าสนับสนุนทีมงวดแรกประจำฤดูกาล 2015 ที่ การท่าเรือ เอฟซี จะได้รับในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้มาชำระคืนให้กับ สิงห์ ท่าเรือ แต่สุดท้าย การท่าเรือ เอฟซี ไม่ยอมโดยมองว่าหนี้สินดังกล่าวตนไม่ได้เกี่ยวข้อง
ทางสมาคมฟุตบอลฯจึงเตรียมพิจารณาต่อว่าเมื่อไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจะมีบทลงโทษอย่างไรต่อไป โดยอาจจะหักแต้ม ปรับตกชั้น หรือร้ายแรงสุดคือการตัดสิทธิ์ทีมออกจากการเป็นสมาชิก ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถส่งทีมเข้าแข่งขันในรายการต่างๆที่ได้รับการับรองอย่างเป็นทางการได้ ซึ่งคาดว่าผลการตัดสินจะออกมาในเร็ววันนี้
อย่างไรก็ตามหากลองพิเคราะห์ดูแล้ว เรื่องนี้น่าเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย สิงห์ ท่าเรือ ก็มั่นใจว่าตนไม่ได้ทำผิดกับนักเตะ ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าปรับ ส่วน การท่าเรือฯ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่ต้องถูกสั่งให้เอากระดูกมาแขวนคอ
แต่หากลองคิดย้อนกลับไปอีก วันนั้นหากสมาคมฟุตบอลฯใจดียื่นเอกสารโต้แย้งของ สิงห์ ท่าเรือ ให้ฟีฟาได้รับรู้ เรื่องราวทั้งหมดอาจจะไม่ดำเนินมาถึงตรงนี้ก็เป็นได้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
หากใครไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดคงตกใจกับกระแสข่าวกรณีที่ การท่าเรือ เอฟซี สโมสรเก่าแก่ของเมืองไทย มีสิทธิ์ที่จะต้องร่วงตกชั้นจากลีกสูงสุดหรือหนักข้อถึงขั้นถูกตัดสิทธิ์จากการเป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งจะทำให้หมดสิทธิ์ลงฟาดแข้งรายการต่างๆที่ถูกรับรองอย่างเป็นทางการ
ต้นตอทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ มาธิอัส คริสเตน ศูนย์หน้าทีมชาติลิกเตนสไตน์ ฟ้องร้องต่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟา) ว่าถูกสโมสร สิงห์ ท่าเรือ ภายใต้การบริหารงานของ “โบว์ลิง” ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง ผู้จัดการทีม ค้างค่าจ้างและค่าชดเชยจากการยกเลิกสัญญา โดยเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นราว 4,275,000 บาท ทางลูกหนังโลกจึงส่งเรื่องถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพื่อแจ้งให้สโมสรได้รับทราบ
ด้าน สิงห์ ท่าเรือ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมสู้คดีโดยการยื่นเอกสารหลักฐานไปที่สมาคมฟุตบอลฯเพื่อหวังให้ส่งต่อไปที่ฟีฟาให้ได้พิจารณา แต่แล้วหลังผ่านไปราว 1 เดือน จู่ๆฟีฟาได้แจ้งมาว่าการพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นที่สิ้นสุดแล้ว พร้อมยื่นเดดไลน์ให้ สิงห์ ท่าเรือ ชำระค่าเสียหายตามที่กำหนด มิเช่นนั้นอาจถูกลงโทษในขั้นตอนต่อไปได้ ทำให้สโมสรถึงกับควันออกหูและมาล่วงรู้ภายหลังว่าลูกหนังไทยไม่ได้ส่งเรื่องต่อให้แต่อย่างใด
โดยสมาคมฟุตบอลฯอ้างว่า การต่อสู้คดีนี้เป็นเรื่องระหว่างสโมสรกับฟีฟาไม่เกี่ยวข้องกับทางสมาคมฯ โดยสโมสรต้องเป็นผู้ส่งเรื่องชี้แจงไปที่ฟีฟาด้วยตนเอง จึงส่ง มาธิอัส เป็นฝ่ายชนะคดีไปอย่างง่ายดาย ดังนั้นเมื่อถึงกำหนดชำระ สิงห์ ท่าเรือ ที่ยืนกรานว่าตนเองไม่ได้ทำผิดจึงไม่ยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าปรับชนิดหลังชนฝา
เมื่อเป็นเช่นนี้ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลไทย จึงสั่งการให้ ทีพีแอล นำเงินค่าสนับสนุนทีมก้อนสุดท้ายประจำฤดูกาล 2014 จำนวน 6 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้มอบให้กับ สิงห์ ท่าเรือ สำรองจ่ายไปให้ก่อนเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่จะตามมา จึงทำให้ สิงห์ ท่าเรือ ไม่พอใจเพราะมองว่าเป็นเรื่องที่ทำโดยพลการและเล็งที่จะฟ้องเอาผิด
แต่แล้ว การท่าเรือแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าของสิทธิ์ส่งทีมเข้าแข่งขันได้เรียกคืนสิทธิ์การทำทีมจาก บริษัท สิงห์ ท่าเรือ จำกัด คู่สัญญาเอ็มโอยูที่ทำทีมมา 2 ปี กลับมาบริหารงานเอง พร้อมเปลี่ยนชื่อทีมเป็น การท่าเรือ เอฟซี โดยมี พลเรือเอก อภิชาติ เพ็งศรีทอง เป็นประธานสโมสร ขณะที่ผู้บริหารชุด สิงห์ ท่าเรือ ก็ยุบเลิกไป
สมาคมฟุตบอลฯจึงมีนโยบายยุติข้อขัดแย้ง โดยให้ผู้บริหารชุดใหม่เป็นผู้รับผิดชอบแทน โดยมีคำสั่งให้หักเงินส่วนหนึ่งจากเงินค่าสนับสนุนทีมงวดแรกประจำฤดูกาล 2015 ที่ การท่าเรือ เอฟซี จะได้รับในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้มาชำระคืนให้กับ สิงห์ ท่าเรือ แต่สุดท้าย การท่าเรือ เอฟซี ไม่ยอมโดยมองว่าหนี้สินดังกล่าวตนไม่ได้เกี่ยวข้อง
ทางสมาคมฟุตบอลฯจึงเตรียมพิจารณาต่อว่าเมื่อไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจะมีบทลงโทษอย่างไรต่อไป โดยอาจจะหักแต้ม ปรับตกชั้น หรือร้ายแรงสุดคือการตัดสิทธิ์ทีมออกจากการเป็นสมาชิก ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถส่งทีมเข้าแข่งขันในรายการต่างๆที่ได้รับการับรองอย่างเป็นทางการได้ ซึ่งคาดว่าผลการตัดสินจะออกมาในเร็ววันนี้
อย่างไรก็ตามหากลองพิเคราะห์ดูแล้ว เรื่องนี้น่าเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย สิงห์ ท่าเรือ ก็มั่นใจว่าตนไม่ได้ทำผิดกับนักเตะ ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าปรับ ส่วน การท่าเรือฯ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่ต้องถูกสั่งให้เอากระดูกมาแขวนคอ
แต่หากลองคิดย้อนกลับไปอีก วันนั้นหากสมาคมฟุตบอลฯใจดียื่นเอกสารโต้แย้งของ สิงห์ ท่าเรือ ให้ฟีฟาได้รับรู้ เรื่องราวทั้งหมดอาจจะไม่ดำเนินมาถึงตรงนี้ก็เป็นได้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
