“เซราะกราว” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดินหน้าล่าแชมป์ที่ 2 ปราบ “บีจี” บางกอกกล๊าส เอฟซี 3-1 คว้าโทรฟี มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2013 มาครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ส่งผลให้โควตา เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2014 รอบเพลย์ออฟ ตกไปอยู่กับ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฐานะรองแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก
มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2013 (รอบชิงชนะเลิศ)
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3-1 บางกอกกล๊าส เอฟซี
ศึกลูกหนังมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2013 รอบชิงชนะเลิศ แชมป์เก่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลุ้นกวาดถ้วยที่ 2 ของฤดูกาลต่อจากโทรฟี โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ลงสนามปะทะ บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่หวังคว้าชัยเพื่อสิทธิ์ไปเล่นบอลถ้วยสโมสรเอเชีย “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก” รอบเพลย์ออฟ ซีซันหน้า ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ (รังสิต) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เวลา 18.00 น.
เกมนี้ อเลฮานโดร เมเนนเดส การ์เซีย กุนซือชาวสแปนิชของปราสาทสายฟ้า ส่ง มานูเอล เรดอนโด การ์เซีย ผู้ยิงประตูชัยรอบที่แล้วลงผนึกแดนกลางร่วมกับ อนาวิน จูจีน ที่ลงเจอทีมเก่า และ คาร์เมโล กอนซาเลซ ดาวซัลโวไทยลีก โดยมี ไค ฮิราโนะ ล่อเป้า ขณะที่ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม เฮดโค้ชบีจี วาง “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย กับ ชาตรี ฉิมทะเล เป็นทีเด็ด
เปิดฉากมาเป็น บางกอกกล๊าส ที่ได้ลุ้นก่อน น.5 จากจังหวะสวนกลับ “ลีซอ” เปิดยัดจากฝั่งซ้ายเข้ากลางให้ ชาตรี ได้ชาร์จ แต่บอลแฉลบออกหลังไป จากนั้น “บีจี” ยังบุกต่อเนื่อง น.10 มิเชลินี เปิดจากขวาให้ ศุภเสกข์ วิ่งเข้าซัดเสาแรก แต่ไม่ตรงกรอบ และแล้ว น.17 ก็มาได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะที่ ศุภเสกข์ จ่ายทะลุช่องให้ “เจ้าหนุ่ม” ชาตรี ฉิมทะเล หลุดเข้าไปเบียดชนะออสมาร์ แล้วกดเลียดด้วยขวาเสียบเสา
จากนั้นเป็น “ปราสาทสายฟ้า” ที่โหมบุกเข้าใส่แต่บางกอกกล๊าสก็แพ็กเกมรับมาแน่น และแล้ว น.30 บุรีรัมย์ มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ ธีรเทพ ไปสกัด จิรวัฒน์ จากด้านหลัง เป็น ออสมาร์ อิบาเนซ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ตีเสมอเป็น 1-1 เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ทั้งคู่ยังผลัดกันบุกอย่างสูสีแต่ไม่มีทีมไหนทำอะไรเพิ่มได้ หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1
ครึ่งหลัง บุรีรัมย์ ส่ง จักรพันธ์ แก้วพรม ลงแทน ประทุม และยังครองบอลได้มากกว่าอย่างต่อเนื่อง จน น.53 สุเชาว์ นุชนุ่ม เปิดโด่งจากฝั่งซ้ายมาเข้าหัว คาร์เมโล กอนซาเลซ โขกสะบัดตุงตาข่าย พลิกนำ 2-1 เกมผ่านไป 1 ชั่วโมง “เจ้ากบ” สุเชาว์ วางบอลยาวจากกลางสนามให้ คาร์เมโล ทางฝั่งขวา แข้งสแปนิชเก็บบอลก่อนตักไปกลางประตูให้ ไค ฮิราโนะ เลือกโขกโล่งๆ 3-1
ช่วงเวลาที่เหลือ “กระต่ายแก้ว” พยายามจะไล่ตื้นขึ้นมาจากการยิงของ มิเชลินี และ ฮิโรโนริ ซารูตะ ตัวสำรอง แต่ก็ไม่เป็นสกอร์ และ น.79 ต้องมาเสีย โกรัน ซูบารา ที่ไปประท้วงผู้ตัดสินโดนเหลืองที่ 2 ไล่ออกจากสนาม จบเกมเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ไปครอง เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ต่อจากปี 2011 และ 2012 ไล่จี้ สโมสรราชประชา แชมป์สูงสุดรายการนี้ 5 สมัย
ส่งผลให้โควตา เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2014 รอบเพลย์ออฟ ตกไปอยู่กับ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฐานะรองแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก โดย “ปราสาทสายฟ้า” ยังเหลือถ้วย โตโยต้า ลีก คัพ ให้ลุ้นอีก 1 ถ้วย นัดชิงฯพบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี วันที่ 23 พฤศจิกายน นี้ ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ (รังสิต) เวลา 18.00 น.
สำหรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฐานะแชมป์ได้รับเงินรางวัล 3 ล้านบาท ส่วน บางกอกกล๊าส เอฟซี รองแชมป์ได้ 5 แสนบาท ขณะที่นักฟุตบอลยอดเยี่ยม เป็นของ คาร์เมโล กอนซาเลส, โค้ชยอดเยี่ยม เป็นของ อเลฮานโดร เมเนนเดส การ์เซีย และดาวซัลโว เป็น กีรติ เขียวสมบัติ จาก ปตท.ระยอง ที่ยิงไป 5 ประตู รับ จักรยานยนต์ฮอนด้า PCX150 มูลค่า 8 หมื่นบาท รางวัลละ 1 คัน
รายชื่อ 11 ตัวจริง
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (ผู้รักษาประตู), ออสมาร์ อิบาเนซ, ประทุม ชูทอง, ธีราทร บุญมาทัน, ธนะศักดิ์ ศรีใส, จิรวัฒน์ มัครมย์, มานูเอล เรดอนโด การ์เซีย, อนาวิน จูจีน, สุเชาว์ นุชนุ่ม (กัปตันทีม), คาร์เมโล กอนซาเลส, ไค ฮิราโนะ
บางกอกกล๊าส เอฟซี : นริศ ทวีกุล (ผู้รักษาประตู), วสันต์ ฮมแสน, ปิยะชาติ ถามะพันธ์, ประวีณวัช บุญยงค์, โกรัน ซูบารา, ปีเตอร์ แลง, ฟลาเวียน มิเชลินี, เลอันโดร ดอส ซานโตส, ธีรเทพ วิโนทัย (กัปตันทีม), ศุภเสกข์ ไก่แก้ว, ชาตรี ฉิมทะเล