คนกีฬามาแล้วลั่นขวางนิรโทษ “สุดซอย”

กลุ่มคนกีฬา อาทิ วิทยา เลาหกุล, ปรัชญา เพิ่มพานิช, สมรักษ์ คำสิงห์ รวมถึง ธีรเทพ วิโนทัย และ จเด็จ มีลาภ ต่างแสดงความไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ “สุดซอย”

หลังมีกลุ่มประชาชนแสดงความเห็นคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรม ฉบับ “สุดซอย” ของรัฐบาล จนมีการก่อม็อบทั้งพื้นที่ถนนราชดำเนิน และ อุรุพงษ์ โดยมีกลุ่มคนดังทั้งดารา นักแสดง นักร้อง และพิธีกรจำนวนมากจากวงการบันเทิงเข้าร่วม

ล่าสุดกลุ่มนักกีฬาขวัญใจชาวไทยจำนวนมากได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวเช่นกัน โดย “เปาแป๊ก” ปรัชญา เพิ่มพานิช อดีตผู้ตัดสินระดับ “"ฟีฟา” ออกมากล่าวผ่าน MGR SPORT ถึงกรณีดังกล่าวว่า “ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยเลย แต่บอกก่อนว่าผมไม่ใช่เหลือง ไม่แดง และไม่ฟ้า ทว่ารัฐบาลต้องมองดูเสียงคนส่วนใหญ่ว่าเห็นด้วยกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้หรือไม่ มันเห็นได้ชัดว่ากฎหมายฉบับนี้เลือกปฏิบัติ เห็นๆ กันอยู่ว่าออกมาเพื่อใคร ล้างผิดให้ใคร ถามว่าทุกวันนี้คดีมันยังไม่ได้พิสูจน์เลยว่าใครผิด ใครถูก ใครโกงจริง หรือโดนกลั่นแกล้ง เรื่องราวต่างๆ ยังไม่ชัดเจน แล้วจะมาออกกฎหมายล้างผิดกันได้อย่างไร”

“ผมอยากให้มีกระบวนการทำเรื่องนี้ให้กระจ่างก่อน ใครบ้างที่ทำผิด ใครบ้างทำถูก ข้อเท็จจริงทั้งหมดควรได้รับการเปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้อย่างจริงจัง และจริงใจ การเกิดเป็นคนไทยจะต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ควรมีใครอยู่เหนือกฎหมาย และผมก็เลือกแล้วว่าจะไม่เหลือง ไม่แดง จะอยู่ข้างพระเจ้าอยู่หัว” อดีตผู้ตัดสินคนดังกล่าว

ขณะที่ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ที่ปัจจุบันกำลังจะวางมือจากการทำทีม ชลบุรี เอฟซี เพื่อกลับไปพัฒนานักเตะเยาวชนของสโมสร แสดงความคิดเห็นเช่นกันว่า “เกี่ยวกับการนิรโทษให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่รู้เรื่อง ชาวบ้านธรรมดานั้นผมเห็นด้วย แต่แกนนำทั้งหลายที่เป็นคนโกงกินประเทศชาติบ้านเมืองแล้วไม่มีความผิด ลอยนวลไปนั้น ผมรับไม่ได้ คุณทำผิด โกงกินกันแล้วไม่ติดคุกเป็นไปได้อย่างไร”

“ยกตัวอย่างคดีคุณชลอ เกิดเทศ ฆ่าคนตายโดยเจตนา ติดคุกไม่ 19 ปี ปัจจุบันพ้นคุกออกมา ผมก็ว่ามันไม่ยุติธรรมกับการกระทำที่โหดร้ายของเขา ทุกวันนี้บ้านเมืองเราวุ่นวายก็เพราะคนไม่ยอมรับกติกา กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่เช่นนั้นเราจะอยู่กันอย่างไร” อดีตนักเตะทีมชาติไทยเผย

นอกจากนี้ยังมี “เดอะ มาสเตอร์” จเด็จ มีลาภ กุนซือทีม “โลมาฟ้าขาว” พัทยา ยูไนเต็ด ที่เพิ่งตกชั้นไปเล่นในดิวิชัน 1 เผยเช่นกันว่า “ผมไม่อยากพูดเรื่องการเมืองเลย แต่ทุกวันนี้มันไม่ไหวจริงๆ มีอย่างที่ไหน คนทำผิด แต่กลับไม่ได้รับโทษ กระบวนการพิสูจน์ยังไม่เสร็จสิ้นก็จะมานิรโทษกรรมกันแล้ว ผมว่าเขาเห็นแก่ตัวเองเกินไป เปรียบกับฟุตบอลบ้านเราทุกวันนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในสมาคม คุมผู้ตัดสินได้ ก็มีการตัดสินที่เอนเอียง เห็นได้ชัดว่าหลังๆ นี่ทีมผมโดนจุดโทษบ่อยมาก โดนแทบทุกนัด ไม่รู้จะไปเอาอะไรกับใคร เพราะทุกวันนี้ในกีฬาก็มีการเมืองมาเกี่ยวข้องแบบเต็มๆ อยู่แล้ว อีกหน่อยบ้านเราคงมีสภาพไม่ต่างกับลีกประเทศเพื่อนบ้านที่มีการล้มบอล ล็อกผลกันจนตกต่ำดังเช่นทุกวันนี้”

ด้าน “เจ้าบาส” สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิก ชี้ชัดว่ากฎหมายนิรโทษกรรมนั้นไม่ใช่เรื่องการ “ปรองดอง” อย่างที่รัฐบาลพูดอีกต่อไป “ปรองดองอะไรกัน ทุกวันนี้บรรยากาศมันปรองดองตรงไหน มีม็อบมากมาย ผู้คนเดือดร้อนเพราะไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้จำนวนมาก ไม่ใช่แค่หลักพันอย่างที่ชอบออกมาโม้กัน”

“ว่ากันตรงๆ เลย 2 ปีที่ผ่านมา ข้าวของแพงทำไมไม่แก้ พูดมาได้ว่าคิดไปเอง อย่าพูดเลยพูดแบบนี้ ผมว่านักการเมืองนี่แหละตัวทำบ้านเมืองวุ่นวาย ทั้ง 2 พรรคเลย ทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ถ้า 2 พรรคนี้เลิกเล่นการเมืองประเทศไทยคงสงบขึ้นเยอะ” นักชกจอมโวกล่าว

ในส่วนของ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย กองหน้าทีม “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี เผยเช่นกันว่า “ทุกวันนี้ประเทศเราจะเอาอะไรมาวัดว่าใครผิดใครถูก ถ้าไม่ใช่กฎหมาย แต่คนทำผิดกลับไม่ต้องรับโทษแบบนี้ผมว่ามันไม่แฟร์เลยในฐานะนักกีฬา หากว่าทำผิดก็ต้องโดนลงโทษจากผู้ตัดสิน จากสโมสรต้นสังกัด การออกกฎหมายนิรโทษมันแสดงให้เห็นว่าเราไม่ให้ความสำคัญกับขื่อแปของบ้านเมือง เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น”

“ส่วนผู้ชุมนุมเองผมว่ามันก็ไม่ดีตรงที่ว่าเขามายึดถนนทำให้เราทุกคนก็เดือดร้อนในการเดินทาง ทางที่ดีอยากให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้ามาคุยกันมากกว่า ไม่อยากให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีกต่อไปครับ” หัวหอกทีมชาติไทย กล่าว