อีกเพียง 1 สัปดาห์นับจากนี้ แฟนบอลก็จะได้เห็นโฉมหน้านายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่เสียทีหลังจากยืดเยื้อกันมานาน โดยขณะนี้ผู้ท้าชิงทั้ง 2 ฝ่ายกำลังอยู่ในช่วงเดินหน้าเรียกคะแนนเสียง ล่าสุด “บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ ได้จัดงานแถลงวิสัยทัศน์พร้อมเปิดตัวสโลแกนใหม่ที่ดูจับต้องได้มากขึ้นคือ “เราจะไปบอลโลกใน 9 ปี”
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 ตุลาคม 2556 นายวิรัช ชาญพานิชย์ 1 ในแคนดิเดตท้าชิงเก้าอี้นายกลูกหนังไทย ได้จัดงานแถลงข่าวถึงความพร้อมก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นวันที่ 17 ตุลาคม นี้ ที่สโมสรกองทัพบก(วิภาวดี) ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมากที่มารอทำข่าวและตัวแทนจากสโมสรสมาชิกกว่า 142 ทีม
ภายในงาน นายวิรัช ได้ควง “บิ๊กป๋อม” นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ 1 ในทีมงานคนสำคัญ ขึ้นเวทีแถลงถึงแผนงานและยุทธศาสตร์ของฝั่งตน ภายใต้หัวข้อ "ถึงเวลาบอลไทยก้าวหน้า" วางเป้าไปบอลโลกใน 9 ปี โดยแบ่งเป็น 3 ช่วงคือ เป็นแชมป์อาเซียนภายใน 2 ปี ต่อด้วยติดท็อป 5 ของเอเชียใน 6 ปี และเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ปี 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ใน 9 ปี
พร้อมเจาะลึกถึงแผนงานของตนที่วางไว้ 3 ข้อหลักคือ 1. องค์กรก้าวหน้า โดยจะปรับปรุงสมาคมฟุตบอลฯให้มีโครงสร้างบริหารพร้อมมูลในทุกองค์ประกอบ เช่น ด้านการตลาดและสิทธิประโยชน์, การเก็บสถิติ, การบัญชี, จัดหามืออาชีพเข้ามาทำงาน และทำแผนยุทธศาสตร์แม่บทที่วัดผลได้ โดยใน 6 เดือนแรก จะปรับโครงสร้างองค์กร, จัดสรรบุคลากร, หาศูนย์ฝึกภูมิภาค สนามฝึกซ้อม, ทำยุทธศาสตร์แผนโครงการและงบประมาณ ควบคู่กันไป
ต่อด้วย 2. ลีกก้าวหน้า จะพัฒนาและยกระดับการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศ ให้ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันเข้ามาเป็นหุ้นส่วนและมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางพร้อมได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่ง ภายใน 2 ปีจะให้สโมสรเป็นผู้ถือหุ้นและเข้ามาเป็นบอร์ดบริหาร พร้อมจ้าง CEO เข้ามาดูแล จากนั้นใน 3-6 ปี จะผลักดันให้สโมสรในไทยลีก และ ดิวิชัน 1 ผ่านเกณฑ์คลับไลเซนซิง แล้ว 7-10 ปี ทุกสโมสรในระดับอาชีพจะได้รับคลับไลเซนซิงทั้งหมด
สุดท้ายข้อ 3 คนก้าวหน้า ได้เตรียมเปิดอบรมบุคลากร ผู้ตัดสิน และผู้ควบคุมการแข่งขันให้ได้มาตรฐานสากล โดย 2 ปีแรกจะจัดทำศูนย์พัฒนา 6 แห่งทั่วประเทศ ก่อนเพิ่มเป็น 11 แห่ง และส่งไปฝึกอบรมต่างประเทศในที่สุด รวมถึงศูนย์พัฒนาเยาวชน ตั้งแต่ 8-10 ปี, 11-12 ปี และ 13-15 ปี ตามลำดับ
โดย นายวิรัช กล่าวว่า “หลังจากที่ผมได้เดินทางไปแสดงวิสัยทัศน์ตามจังหวัดต่างๆ 4 ภาคเรียบร้อยแล้ว และได้รับเสียงตอบรับที่ดี วันนี้จึงมาจัดแถลงใหญ่ที่กรุงเทพฯปิดท้าย นโยบายหลักๆคือทำตรงกันข้ามกับที่นายกสมาคมฯคนเก่าทำไว้ เรามีแผนงานที่เป็นระบบ ซึ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้จริง ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับทั้ง 72 ทีมที่มีสิทธิ์ลงคะแนนว่าจะตัดสินใจอย่างไรอยากจะได้การบริหารแบบเดิมหรือเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อพัฒนาไปข้างหน้า ส่วนตัวแล้วตอนนี้ได้ทำเต็มที่ด้วยใจจริง และมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะแน่นอน”
พร้อมกันนี้อดีตผจก.ทีมชาติไทย ยังเปิดตัวทีมงานที่จะเข้ามาเป็นอุปนายกสมาคม 5 คน และกรรมการกลาง 13 คน โดยการันตีว่าทุกคนมีฝีมือทำงานได้จริง “เราไม่จำเป็นต้องมีทีมงานที่มีชื่อเป็นบิ๊กเนมเหมือนที่ผ่านมา เพราะเท่าที่เห็นหลายคนมักไม่มีเวลาเข้ามาทำงานได้เต็มที่ ดังนั้นเราจึงคัดผู้ที่พร้อมเสียสละและสามารถเข้ามาทำงานได้เต็มเวลา ซึ่งแต่ละคนก็เชี่ยวชาญกันในแต่ละด้าน และถูกวางตัวให้เป็นผู้ดูแลแผนงานฝ่ายต่างๆไว้แล้ว”
ท้ายสุดนี้ “บิ๊กก๊อง” ได้พูดถึงกรณีที่มีกระแสข่าวหนาหูถึงการที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในสถานะนักโทษหลบหนีคดี ได้เข้ามาอยู่เบื้องหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ จนทำให้ผู้บริหารสโมสรที่มีสิทธิ์ลงคะแนนหลงเชื่อว่า “ผมคิดว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เพราะเท่าที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีหลักฐานอะไร และผมมั่นใจว่าทักษิณเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องฟุตบอล เพราะฉะนั้นอย่าพยายามโยงเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องโดยอ้างว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองกับผู้ทรงอิทธิพล ผมอยากให้ทุกสโมสรมองว่าเป็นเรื่องของฟุตบอลเพียงย่างเดียว เป็นการต่อสู้ของคน 2 คน คือ ผมกับวรวีร์ ถึงแม้หลายทีมผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนจะมีความเกี่ยวข้องทางการเมืองอยู่ก็ตาม”
“การเลือกกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เลือกแค่นายกสมาคมฯหรือทีมบริหาร แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอนาคตของฟุตบอล ซึ่งผมขอยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้เป็นตัวแทนหรือนอมินีของใคร เพราะฉะนั้นใครมาสั่งก็ไม่เป็นผล” วิรัชทิ้งท้าย
