คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
สัปดาห์ที่ผ่านมาจังหวัดชลบุรี คึกคักเป็นพิเศษหลังจากที่ “ชลบุรี บลูเวฟ” ประกาศศักดาความเป็นเจ้าโต๊ะเล็กระดับทวีป ปราบทั้ง กิติ ปาซานด์ อิสฟาฮาน แชมป์เก่า จากอิหร่าน, อาร์ดุส ทาชเคนต์ รองแชมป์เก่า จากอุซเบกิสถาน, อัล ซาดด์ จากกาตาร์ และ เสิ่นเจิ้น หนานหลิง ของจีน คว้าแชมป์ฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ครั้งที่ 4 หรือ “เอเอฟซี ฟุตซอล คลับ แชมเปียนชิป 2013” ที่ เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ไม่เพียงแค่นั้นทัพ “ฉลามจิ๋ว” ชลบุรี เอฟซี อะคาเดมี ในฐานะทีมเยาวชนตัวแทนจากประเทศไทย ยังโชว์ฟอร์มหรูกระชากแชมป์ระดับภูมิภาคอาเซียน ในรายการ FAM-FRENZ U15 Asean Champions Trophy 2013 ที่ประเทศมาเลเซีย ได้เช่นกัน ด้วยการเอาชนะ เฟรนซ์ มาเลเซีย เอ ด้วยสกอร์รวม 4-1 ซึ่งทัวร์นาเมนต์นี้เป็นเกมในระบบเหย้า-เยือนข้ามประเทศที่เพิ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก
ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนั้นต้องยกเครดิตให้กับความตั้งใจและทุ่มเทของผู้นำในจังหวัดอย่างแท้จริง ไล่ตั้งแต่ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกสมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี, นายวิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี, นายอรรณพ สิงห์โตทอง หัวเรือใหญ่ บริษัท สโมสรฟุตบอลชลบุรี จำกัด ตลอดจนทีมงานสตาฟฟ์โค้ชที่อยู่เบื้องหลัง
เพราะหากลองย้อนกลับไปดูก่อนหน้านี้ ชลบุรี ถือว่าเป็นจังหวัดที่เน้นปลุกปั้นแข้งเด็กเป็นหลัก มีอะคาเดมีของตนเอง เริ่มวางโครงการตั้งแต่ปี 2009 โดยร่วมกับโรงเรียนในจังหวัดอย่าง โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา และ โรงเรียนชลราษฏร อำรุง ฝึกอบรมแข้งวัยจิ๋วไล่ตั้งแต่รุ่นอายุ 12 ปี 14 ปี และ 15 ปี พร้อมส่งเข้าแข่งขันรายการต่างๆ อาทิเช่น บอลไนกี้ พรีเมียร์ คัพ, ไพรมินิสเตอร์ คัพ, ฟุตบอล 7 สี และศึกลูกหนังขาสั้นทั่วแดนสยาม อีกทั้งยังจัดฟุตบอลลีกภายในจังหวัด โดยมี นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลจังหวัดชลบุรี หรือที่คนคุ้นเคยเรียกกันว่า “บิ๊กตุ๋ย” และ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค คอยฟูมฟักไม่ห่างสายตา โดยมีดีกรีรองแชมป์ศึกใหญ่ระดับโลก “ดานอน เนชั่นคัพ 2011” ที่ประเทศสเปน, แชมป์ “ช้าง-เอฟเวอร์ตัน จูเนียร์ คัพ 2013” และอีกมากมายเป็นเครื่องการันตี
นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดอบรมผู้ฝึกสอน และอบรมผู้ตัดสิน โดยวิทยากรจากสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ “เอเอฟซี” รวมถึงเปิดเวิร์คช็อปอบรมสัมมนาด้านต่างๆ โดยที่ทาง “ฉลามชล” เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในเรื่องการต้อนรับขับสู้เองทั้งหมด
ขณะที่สนามใหญ่แม้ ชลบุรี เอฟซี จะร้างแชมป์ลีกสูงสุดมาตั้งแต่ปี 2007 แต่ก็ยังเกาะหัวตารางมาโดยตลอด คว้ารองชนะเลิศ ปี 2008, 2009, 2011 และ 2012 และได้แชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ ปี 2010 รวมถึงถ้วยพระราชทาน ก. 4 ครั้ง มาปลอบใจ โดยฤดูกาลปัจจุบันแม้แต้มจะตามหลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด อันดับ 1-2 พอสมควร จนเรียกได้ว่าต้องยอมยกธงขาวหากหวังตำแหน่งแชมป์ แต่ทั้งนี้ “บลูชาร์ค” ยังมีลุ้นหากทีมใดทีมหนึ่งคว้าดับเบิลแชมป์และตนได้ที่ 2 จะส้มหล่นรับสิทธิ์เข้าแข่งขันศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก ซีซันหน้าทันที
แต่แฟนบอลไม่ต้องกังวลไปที่ทีมไม่มีแชมป์ลีกติดมือเหมือนสโมสรอื่น เพราะด้วยระบบทีมที่เน้นพัฒนาโครงสร้างจากรากฐานมากกว่าทุนนิยม และการบริหารจัดการที่เป็นระบบ จะส่งให้ในอนาคตผลผลิตทั้งหมดออกดอก และ “ฉลาม” ตัวนี้จะโลดแล่นครองความเป็นเจ้าทะเลได้อย่างแน่นอน
สัปดาห์ที่ผ่านมาจังหวัดชลบุรี คึกคักเป็นพิเศษหลังจากที่ “ชลบุรี บลูเวฟ” ประกาศศักดาความเป็นเจ้าโต๊ะเล็กระดับทวีป ปราบทั้ง กิติ ปาซานด์ อิสฟาฮาน แชมป์เก่า จากอิหร่าน, อาร์ดุส ทาชเคนต์ รองแชมป์เก่า จากอุซเบกิสถาน, อัล ซาดด์ จากกาตาร์ และ เสิ่นเจิ้น หนานหลิง ของจีน คว้าแชมป์ฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ครั้งที่ 4 หรือ “เอเอฟซี ฟุตซอล คลับ แชมเปียนชิป 2013” ที่ เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ไม่เพียงแค่นั้นทัพ “ฉลามจิ๋ว” ชลบุรี เอฟซี อะคาเดมี ในฐานะทีมเยาวชนตัวแทนจากประเทศไทย ยังโชว์ฟอร์มหรูกระชากแชมป์ระดับภูมิภาคอาเซียน ในรายการ FAM-FRENZ U15 Asean Champions Trophy 2013 ที่ประเทศมาเลเซีย ได้เช่นกัน ด้วยการเอาชนะ เฟรนซ์ มาเลเซีย เอ ด้วยสกอร์รวม 4-1 ซึ่งทัวร์นาเมนต์นี้เป็นเกมในระบบเหย้า-เยือนข้ามประเทศที่เพิ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก
ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนั้นต้องยกเครดิตให้กับความตั้งใจและทุ่มเทของผู้นำในจังหวัดอย่างแท้จริง ไล่ตั้งแต่ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกสมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี, นายวิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี, นายอรรณพ สิงห์โตทอง หัวเรือใหญ่ บริษัท สโมสรฟุตบอลชลบุรี จำกัด ตลอดจนทีมงานสตาฟฟ์โค้ชที่อยู่เบื้องหลัง
เพราะหากลองย้อนกลับไปดูก่อนหน้านี้ ชลบุรี ถือว่าเป็นจังหวัดที่เน้นปลุกปั้นแข้งเด็กเป็นหลัก มีอะคาเดมีของตนเอง เริ่มวางโครงการตั้งแต่ปี 2009 โดยร่วมกับโรงเรียนในจังหวัดอย่าง โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา และ โรงเรียนชลราษฏร อำรุง ฝึกอบรมแข้งวัยจิ๋วไล่ตั้งแต่รุ่นอายุ 12 ปี 14 ปี และ 15 ปี พร้อมส่งเข้าแข่งขันรายการต่างๆ อาทิเช่น บอลไนกี้ พรีเมียร์ คัพ, ไพรมินิสเตอร์ คัพ, ฟุตบอล 7 สี และศึกลูกหนังขาสั้นทั่วแดนสยาม อีกทั้งยังจัดฟุตบอลลีกภายในจังหวัด โดยมี นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลจังหวัดชลบุรี หรือที่คนคุ้นเคยเรียกกันว่า “บิ๊กตุ๋ย” และ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค คอยฟูมฟักไม่ห่างสายตา โดยมีดีกรีรองแชมป์ศึกใหญ่ระดับโลก “ดานอน เนชั่นคัพ 2011” ที่ประเทศสเปน, แชมป์ “ช้าง-เอฟเวอร์ตัน จูเนียร์ คัพ 2013” และอีกมากมายเป็นเครื่องการันตี
นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดอบรมผู้ฝึกสอน และอบรมผู้ตัดสิน โดยวิทยากรจากสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ “เอเอฟซี” รวมถึงเปิดเวิร์คช็อปอบรมสัมมนาด้านต่างๆ โดยที่ทาง “ฉลามชล” เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในเรื่องการต้อนรับขับสู้เองทั้งหมด
ขณะที่สนามใหญ่แม้ ชลบุรี เอฟซี จะร้างแชมป์ลีกสูงสุดมาตั้งแต่ปี 2007 แต่ก็ยังเกาะหัวตารางมาโดยตลอด คว้ารองชนะเลิศ ปี 2008, 2009, 2011 และ 2012 และได้แชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ ปี 2010 รวมถึงถ้วยพระราชทาน ก. 4 ครั้ง มาปลอบใจ โดยฤดูกาลปัจจุบันแม้แต้มจะตามหลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด อันดับ 1-2 พอสมควร จนเรียกได้ว่าต้องยอมยกธงขาวหากหวังตำแหน่งแชมป์ แต่ทั้งนี้ “บลูชาร์ค” ยังมีลุ้นหากทีมใดทีมหนึ่งคว้าดับเบิลแชมป์และตนได้ที่ 2 จะส้มหล่นรับสิทธิ์เข้าแข่งขันศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก ซีซันหน้าทันที
แต่แฟนบอลไม่ต้องกังวลไปที่ทีมไม่มีแชมป์ลีกติดมือเหมือนสโมสรอื่น เพราะด้วยระบบทีมที่เน้นพัฒนาโครงสร้างจากรากฐานมากกว่าทุนนิยม และการบริหารจัดการที่เป็นระบบ จะส่งให้ในอนาคตผลผลิตทั้งหมดออกดอก และ “ฉลาม” ตัวนี้จะโลดแล่นครองความเป็นเจ้าทะเลได้อย่างแน่นอน