xs
xsm
sm
md
lg

“ชลบุรี บลูเวฟ” เจ้าเอเชีย จุดกระแสโต๊ะเล็กไทยลีก?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชลบุรี บลูเวฟ แชมป์สโมสรเอเชีย
ASTV ผู้จัดการรายวัน – ชลบุรี บลูเวฟ สร้างชื่อกระหึ่มด้วยการครองเจ้าฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ครั้งที่ 4 หรือ “เอเอฟซี ฟุตซอล คลับ แชมเปียนชิป 2013” ที่ เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นการประกาศศักดาเจ้าโต๊ะเล็กระดับทวีปแล้ว ยังเป็นบทพิสูจน์ว่าอุปสรรคจากการบริหารงานที่ไร้ความเป็นมืออาชีพของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไม่สามารถขว้างกั้นพรสวรรค์เรื่องของฝีเท้าได้

สโมสรฟุตซอลชลบุรี หรือ ชลบุรี บลูเวฟ แชมป์ไทยแลนด์ฟุตซอล พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012-2013 กรุยทางเข้าสู่เวทีชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ด้วยการเป็นแชมป์รอบคัดเลือก โซนเอเชียตะวันออก แม้ในรอบสุดท้ายถูกจับสลากไปอยู่กลุ่มหิน แต่ก็ฝ่าด่านทั้ง อาร์ดุส ทาชเคนต์ รองแชมป์เก่า จากอุซเบกิสถาน, กิติ ปาซานด์ อิสฟาฮาน แชมป์เก่า จากอิหร่าน และ อัล ซาดด์ จากกาตาร์ ไปจนถึงรอบตัดเชือกยังล้ม เสิ่นเจิ้น หนานหลิง ของจีน ทะลุชิงแชมป์กับคู่ปรับ ก่อนอาศัยปาฏิหาริย์ตีเสมอ 1-1 นาทีสุดท้าย ดวลเป้าย้ำชัยเหนือ กิติ ปาซานด์ อิสฟาฮาน ด้วยการดวลจุดโทษ 5-2 ผงาดแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

ด้าน “เจ้าอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ยังซิวรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์มาครอง จากการระเบิดฟอร์มซัดไป 5 ประตู นับเป็นรางวัลระดับชาติที่ 2 ของเจ้าตัวในปีนี้ ต่อจากรางวัลนักฟุตซอลยอดเยี่ยม ของสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน ที่ได้รับไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อีกทั้งฟอร์มการเล่นของแข้งวัย 24 ปี กับคู่หูกัปตันทีม “เจ้าช้าง” กฤษดา วงษ์แก้ว ยังไปเตะตาสโมสร ดูเกา โกเบ ทีมดังใน เจเอฟแอล ลีก ประเทศญี่ปุ่น ที่ติดต่อทาบทามมา

โดย อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานสโมสรที่ปลุกปั้นทีมขึ้นมาเผยว่า “แรกเริ่มแล้วผมต้องการที่จะพัฒนาวงการฟุตซอลให้เป็นมืออาชีพ ในฐานะเป็นคนที่ทำฟุตซอลมานานกว่า 10 ปี แชมป์ครั้งนี้เป็นคำตอบของทุกอย่างที่ได้พยายามมา ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เราชนะทั้งแชมป์เก่าและรองแชมป์เก่า ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าจากนี้มหาอำนาจฟุตซอลในเอเชียจะไม่ได้มีแค่ อิหร่าน กับ ญี่ปุ่น อีกต่อไป แต่ต้องรวมประเทศไทยเป็น 1 ในนั้นด้วย โดยก้าวต่อไปก็ต้องทำให้ดีที่สุดในรายการชิงแชมป์สโมสรโลก ที่ต้องยอมรับว่ายังเป็นรองทีมจากยุโรปและอเมริกาใต้อยู่”

“จากนี้เราต้องพัฒนาให้ทุกอย่างเป็นมืออาชีพมากขึ้น เริ่มจากการมีสนามแข่งขันของตนเอง โดยเล็งขอเช่า สนามแบงค็อก ฟุตซอล อารีนา (หนองจอก) หรือ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก รวมถึงสำนักงานบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน ส่วนเรื่องตัวผู้เล่นนั้นต้องขอดูทิศทางลีกในประเทศก่อนว่าจะเป็นแบบใด คงยังไม่คิดถึงการทุ่มซื้อบิ๊กเนมต่างชาติ เพราะตอนนี้แข้งนอกในทีมและปลูปิส ผู้เป็นกุนซือก็ยังมีสัญญาอยู่ ทั้งนี้เราจะเน้นสร้างเยาวชนขึ้นมามากกว่า ส่วน ศุภวุฒิ กับ กฤษดา ซึ่งจะไปเล่นลีกที่ญี่ปุ่นนั้นเราคงปล่อยด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น 2-3 เดือน ทั้งคู่น่าจะได้รับค่าเหนื่อยราวแสนห้า ถึง 2 แสนบาทต่อเดือน” บิ๊กป๋อม กล่าวต่อ

พร้อมกันนี้อดีตผู้จัดการทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ทิ้งท้ายถึงการจัดแข่งขันฟุตซอลลีกซีซันใหม่ ที่ยังไม่ได้ฤกษ์เปิดฉาก แม้ฤดูกาลล่าสุดจะจบไปตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า “ผมอยากให้สมาคมฟุตบอลฯจัดฟุตซอลลีกต่อเนื่องและมีปฏิทินแข่งขันที่ชัดเจน ทุกสโมสรจะได้ดำเนินการวางแผนได้ ไม่อย่างนั้นค่าจ้างนักเตะที่แต่ละทีมเสียไปคงสูญเปล่า ส่งผลถึงการพัฒนาตัวผู้เล่นด้วย จะมาบอกว่ายังไม่มีผู้สนับสนุนไม่ได้ เพราะเราก็ควักทุนตัวเองทั้งนั้น ค่าจ้างนักเตะเดือนละล้านกว่าบาทแล้ว รวมโบนัสและอื่นๆ ก็ตกปีละ 15-20 ล้านบาท ผมไม่อยากให้ใครพูดว่าประเทศไทยมีทีมที่ได้แชมป์สโมสรระดับทวีป แต่กลับไม่มีการแข่งขันลีกภายในประเทศ”
อดิศักดิ์ เบื้องหลังความสำเร็จ
ศุภวุฒิ คว้าแข้งยอดเยี่ยม
ปลูปิส มันสมองจากสเปน
กำลังโหลดความคิดเห็น