คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากข่าวลือ อัลเลน ไอเวอร์สัน การ์ดตำนาน ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส เตรียมประกาศรีไทร์อย่างเป็นทางการ กระแสข่าวที่สะกิดใจแฟนๆ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) มากสุดเห็นจะหนีไม่พ้นกรณี ลามาร์ โอดอม ส่อเตียงหัก เมื่อ โคล คาร์ดาเชียน เซเลบริตี้คนดังแห่งแวดวงไฮโซ รับไม่ได้กับการที่สามีติดยาเสพติดงอมแงม
นับตั้งแต่ถูกดราฟท์อันดับ 4 เข้าลีกโดย แอลเอ คลิปเปอร์ส ลามาร์ โอดอม เป็นที่จับตามองว่าสามารถขึ้นเป็นสตาร์ฉายแสงใน NBA ได้ไม่ยาก พอได้ย้ายไปอยู่ที่ ไมอามี ฮีต พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด รายนี้ได้เครดิตช่วยปั้น ดีเวย์น เหว็ด วางรากฐานนำมาซึ่งความสำเร็จของ ฮีต จวบจนถึง ณ ปัจจุบัน โดยอาชีพการเล่นของ โอดอม มาพีคสุดขีดกับ แอลเอ เลเกอร์ส หลังโดน ฮีต เทรดพ่วงกับ บัตเลอร์ และ ไบรอัน แกรนท์ เพื่อแลกมาซึ่ง ชาคิล โอนีล
การขาดหายไปของ “แชค” ทำให้หลายฝ่ายเกรงว่า โคบี ไบรอันท์ อาจแบก เลเกอร์ส ไม่ไหว แต่ก็ได้ตัวช่วยอย่าง โอดอม ส่งเสริมจนทีมขึ้นไปเป็นแชมป์เมื่อฤดูกาล 2009/10 จากการถลุง ออร์แลนโด แมจิก ที่มี ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เป็นตัวชูโรง 4-1 เกม ในซีซันถัดมาเมื่อ แอนดรูว์ บายนัม เซ็นเตอร์ดาวโรจน์บาดเจ็บหนัก ถึงเวลาที่ โอดอม ต้องสวมบทพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยแฟรนไชส์อีกครั้ง ซึ่งค่าจ้าง 33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 990 ล้านบาท) ที่เซ็นไว้ช่วงหน้าร้อนปี 2009 ถือว่าถูกไปเลย เมื่อเขาช่วยทีมบดชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง บอสตัน เซลติกส์ 4-3 เกม พร้อมกับรับตำแหน่ง “ผู้เล่นคนที่ 6” หรือสำรองยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองอย่างคู่ควรที่สุด
ทว่าการดำเนินชีวิตไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด โอดอม กลับมีความคิดอำลาสังเวียนยัดห่วงกะทันหัน เพราะต้องสูญเสียลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันอย่างไม่มีวันกลับ แถมยังอยู่ในเหตุการณ์อุบัติเหตุรถ SUV ที่นั่งมาขับชนวัยรุ่นจนเสียชีวิต ทำให้ โอดอม เริ่มกลับไปใช้ยาเสพติด เหมือนครั้งโดน NBA จับได้ว่าเสพกัญชาช่วงปี 2001 สมัยอยู่กับคลิปเปอร์ส เมื่อผนวกกับเรื่องเศร้าที่โถมประทังก่อนหน้านี้ ทั้งการที่ เจย์เดน บุตรคนที่สามกับ ลิซาน โมราเลส ภรรยาเก่า เสียชีวิตตั้งแต่แบเบาะ ไม่รวมถึงการที่คุณแม่ ต้องลาโลกนี้ไปอาการมะเร็งลำไส้ใหญ่ คุณพ่อก็ดันติดเฮโรอีน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาวะจิตใจของ โอดอม ตอนนั้นเข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน
ยิ่งมาเจอเรื่องช็อกในอาชีพจากการที่ เลเกอร์ส ตัดสินใจเทรดตัวให้ ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ เมื่อปลายเดือนธันวาคม ปี 2011 โอดอม พกพาร่างไร้วิญญาณไปยัดห่วงในถิ่นอเมริกัน แอร์ไลน์ส เซ็นเตอร์ จนโดน มาร์ค คิวบาน เจ้าของทีมจอมแอ็กทีฟจวกใส่ไม่มีชิ้นดี จนต้องแยกทางกันในที่สุด และก็เป็น คลิปเปอร์ส ไปดึงกลับมา แต่สภาพตอนนั้น โอดอม ในวัย 33 ปี ปล่อยเนื้อปล่อยตัว จิตใจล่องลอย ไม่สามารถคืนฟอร์มได้อีกเลย
เมื่อเจอปัญหารุมเร้า โอดอม คิดผิดเสพโคเคน และอ็อกซีคอนติน (OxyContin) แม้คู่ชีวิตคนปัจจุบันอย่าง โคล คาร์ดาเชียน พยายามช่วยเหลือด้วยการส่งตัวไปบำบัด แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือ นั่นจึงเป็นเหตุให้ไฮโซมีหน้ามีตาในสังคมมะกันถึงขั้นอยากหย่าร้าง ซึ่งการที่ โอดอม หายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้นานถึง 72 ชั่วโมง หลายฝ่ายต่างคิดไปต่างๆ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจอตัวแล้ว เอเยนต์ยืนยันนักบาสในความดูแลไปพำนักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในแอลเอ โดยผองเพื่อนประสงค์ให้ โอดอม ห่างไกลยาเสพติด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะใจแข็งหักห้ามใจได้มากน้อยแคไหน หากทำได้ โอดอม ถือว่าชนะใจตัวเอง โอกาสกลับมาสู่ NBA ยังเปิดกว้าง เชื่อว่า เลเกอร์ส ต้นสังกัดเก่าพร้อมอ้าแขนรับอยู่ แต่ถ้ายังมีความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ยาเสพติด ทำให้ลืมความเจ็บช้ำทุกอย่างได้ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ ผู้เล่นที่ครั้งหนึ่งเคยส่องแสงสกาว มีอันต้องดับวูบไปจากวงการอีกดวง ด้วยการเลือกทางเดินผิดไป
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากข่าวลือ อัลเลน ไอเวอร์สัน การ์ดตำนาน ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส เตรียมประกาศรีไทร์อย่างเป็นทางการ กระแสข่าวที่สะกิดใจแฟนๆ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) มากสุดเห็นจะหนีไม่พ้นกรณี ลามาร์ โอดอม ส่อเตียงหัก เมื่อ โคล คาร์ดาเชียน เซเลบริตี้คนดังแห่งแวดวงไฮโซ รับไม่ได้กับการที่สามีติดยาเสพติดงอมแงม
นับตั้งแต่ถูกดราฟท์อันดับ 4 เข้าลีกโดย แอลเอ คลิปเปอร์ส ลามาร์ โอดอม เป็นที่จับตามองว่าสามารถขึ้นเป็นสตาร์ฉายแสงใน NBA ได้ไม่ยาก พอได้ย้ายไปอยู่ที่ ไมอามี ฮีต พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด รายนี้ได้เครดิตช่วยปั้น ดีเวย์น เหว็ด วางรากฐานนำมาซึ่งความสำเร็จของ ฮีต จวบจนถึง ณ ปัจจุบัน โดยอาชีพการเล่นของ โอดอม มาพีคสุดขีดกับ แอลเอ เลเกอร์ส หลังโดน ฮีต เทรดพ่วงกับ บัตเลอร์ และ ไบรอัน แกรนท์ เพื่อแลกมาซึ่ง ชาคิล โอนีล
การขาดหายไปของ “แชค” ทำให้หลายฝ่ายเกรงว่า โคบี ไบรอันท์ อาจแบก เลเกอร์ส ไม่ไหว แต่ก็ได้ตัวช่วยอย่าง โอดอม ส่งเสริมจนทีมขึ้นไปเป็นแชมป์เมื่อฤดูกาล 2009/10 จากการถลุง ออร์แลนโด แมจิก ที่มี ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เป็นตัวชูโรง 4-1 เกม ในซีซันถัดมาเมื่อ แอนดรูว์ บายนัม เซ็นเตอร์ดาวโรจน์บาดเจ็บหนัก ถึงเวลาที่ โอดอม ต้องสวมบทพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยแฟรนไชส์อีกครั้ง ซึ่งค่าจ้าง 33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 990 ล้านบาท) ที่เซ็นไว้ช่วงหน้าร้อนปี 2009 ถือว่าถูกไปเลย เมื่อเขาช่วยทีมบดชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง บอสตัน เซลติกส์ 4-3 เกม พร้อมกับรับตำแหน่ง “ผู้เล่นคนที่ 6” หรือสำรองยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองอย่างคู่ควรที่สุด
ทว่าการดำเนินชีวิตไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด โอดอม กลับมีความคิดอำลาสังเวียนยัดห่วงกะทันหัน เพราะต้องสูญเสียลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันอย่างไม่มีวันกลับ แถมยังอยู่ในเหตุการณ์อุบัติเหตุรถ SUV ที่นั่งมาขับชนวัยรุ่นจนเสียชีวิต ทำให้ โอดอม เริ่มกลับไปใช้ยาเสพติด เหมือนครั้งโดน NBA จับได้ว่าเสพกัญชาช่วงปี 2001 สมัยอยู่กับคลิปเปอร์ส เมื่อผนวกกับเรื่องเศร้าที่โถมประทังก่อนหน้านี้ ทั้งการที่ เจย์เดน บุตรคนที่สามกับ ลิซาน โมราเลส ภรรยาเก่า เสียชีวิตตั้งแต่แบเบาะ ไม่รวมถึงการที่คุณแม่ ต้องลาโลกนี้ไปอาการมะเร็งลำไส้ใหญ่ คุณพ่อก็ดันติดเฮโรอีน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาวะจิตใจของ โอดอม ตอนนั้นเข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน
ยิ่งมาเจอเรื่องช็อกในอาชีพจากการที่ เลเกอร์ส ตัดสินใจเทรดตัวให้ ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ เมื่อปลายเดือนธันวาคม ปี 2011 โอดอม พกพาร่างไร้วิญญาณไปยัดห่วงในถิ่นอเมริกัน แอร์ไลน์ส เซ็นเตอร์ จนโดน มาร์ค คิวบาน เจ้าของทีมจอมแอ็กทีฟจวกใส่ไม่มีชิ้นดี จนต้องแยกทางกันในที่สุด และก็เป็น คลิปเปอร์ส ไปดึงกลับมา แต่สภาพตอนนั้น โอดอม ในวัย 33 ปี ปล่อยเนื้อปล่อยตัว จิตใจล่องลอย ไม่สามารถคืนฟอร์มได้อีกเลย
เมื่อเจอปัญหารุมเร้า โอดอม คิดผิดเสพโคเคน และอ็อกซีคอนติน (OxyContin) แม้คู่ชีวิตคนปัจจุบันอย่าง โคล คาร์ดาเชียน พยายามช่วยเหลือด้วยการส่งตัวไปบำบัด แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือ นั่นจึงเป็นเหตุให้ไฮโซมีหน้ามีตาในสังคมมะกันถึงขั้นอยากหย่าร้าง ซึ่งการที่ โอดอม หายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้นานถึง 72 ชั่วโมง หลายฝ่ายต่างคิดไปต่างๆ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจอตัวแล้ว เอเยนต์ยืนยันนักบาสในความดูแลไปพำนักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในแอลเอ โดยผองเพื่อนประสงค์ให้ โอดอม ห่างไกลยาเสพติด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะใจแข็งหักห้ามใจได้มากน้อยแคไหน หากทำได้ โอดอม ถือว่าชนะใจตัวเอง โอกาสกลับมาสู่ NBA ยังเปิดกว้าง เชื่อว่า เลเกอร์ส ต้นสังกัดเก่าพร้อมอ้าแขนรับอยู่ แต่ถ้ายังมีความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ยาเสพติด ทำให้ลืมความเจ็บช้ำทุกอย่างได้ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ ผู้เล่นที่ครั้งหนึ่งเคยส่องแสงสกาว มีอันต้องดับวูบไปจากวงการอีกดวง ด้วยการเลือกทางเดินผิดไป
