“อรรณพ” แนะตั้งคูหา กันโดนเช็กบิลย้อนหลัง

อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี ยอมรับในหลักเกณฑ์เดียวกับ นายวิรัช ชาญพานิชย์ ที่ยอมใช้ 72 เสียง แต่ปรับวิธีการคัดเลือกทีมใหม่ สำหรับใช้โหวตเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย คนใหม่ พร้อมเน้นย้ำเรื่องการตั้งคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งที่เป็นกลาง รวมถึงใช้ใบลงคะแนนที่ไม่มีตำหนิเพื่อกันการเช็กบิลย้อนหลัง

ความคืบหน้าเรื่องการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯคนใหม่ หลังจากที่ “บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง ได้ออกมายอมถอยทัพใช้ 72 เสียงโหวต แต่ต้องปรับวีธีการคัดเลือกทีมที่มีสิทธิ์ลงคะแนนในส่วนของลีกภูมิภาค (ดิวิชัน2) เป็นอันดับ 1-4 ในการแข่งขันเลกแรก ของทั้ง 6 โซน รวมเป็น 24 ทีม และในถ้วยพระราชทาน ข, ค และ ง ใช้ 4 ทีมที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศของแต่ละถ้วย รวมเป็น 12 ทีม ส่วนในไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชัน 1 คงเดิมระดับละ 18 ทีม พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ได้เห็นพ้องแล้วเช่นกัน

ด้าน อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้ยอมรับในหลักเกณฑ์ดังกล่าวเช่นกัน หลังจากที่ได้หารือกับนายวิรัช และสโมสรสมาชิกฝั่งตนมาโดยตลอด เพราะเข้าใจว่าฟีฟาไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้มากกว่านี้ แต่จะแก้ไขจำนวนเสียงของดิวิชัน 2 เพื่อเปิดโอกาสให้ทีมจากบอลถ้วยพระราชทาน ข, ค และ ง ได้มีสิทธิ์มากขึ้น

พร้อมกันนี้ “เดอะ เซนต์” ยังกล่าวย้ำถึงขั้นตอนในการลงคะแนนที่โปร่งใสว่า ควรจะมีคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งที่เป็นกลางและไม่ใช่คนของสมาคมฟุตบอลฯเข้ามาตรวจสอบดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างสุจริตและมีมาตรฐาน

“การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องมีคณะกรรมการที่เป็นกลางเข้ามาตรวจสอบ และควรจะมีคูหาสำหรับให้สโมสรสมาชิกได้ลงคะแนน ไม่ใช้วิธียกมือโหวต และที่สำคัญใบลงคะแนนต้องไม่มีตำหนิหรือลายน้ำใดๆ เพื่อป้องกันการซื้อเสียงและถูกเช็กบิลย้อนหลังได้ ซึ่งทั้งหมดนั้นจะทำให้การเลือกตั้งมีมาตรฐานและเป็นกลาง ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อเข้าไปลงคะแนนเลือกฝ่ายตรงข้ามจะถูกจับได้” อรรณพ กล่าว