การประชุมใหญ่พิเศษของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย วันนี้ (9 ส.ค. 56) ไม่มีการสรุปผลโหวตรับรองร่างข้อบังคับฉบับใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากทุกฝ่ายเห็นชอบให้มีการสงวนหัวข้อผู้แทนและการออกเสียงลงคะแนนไว้ก่อน เพื่อให้สโมสรสมาชิกถกหาข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ ขณะที่ตัวแทนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา รับช็อกกับการจัดการของสมาคมลูกหนังไทย
ความเคลื่อนไหวเรื่องการประชุมใหญ่พิเศษของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่มีความวุ่นวายตลอดตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ (หนองจอก) ล่าสุดเวลา 15.00 น.ทางสมาคมฟุตบอลฯได้เปิดให้สโมสรสมาชิกทั้งหมดเข้าห้องประชุมได้ โดยมีสโมสรสมาชิกทั้งสิ้น 163 สโมสร และสภากรรมการของสมาคมฯจำนวน 14 คน เข้าร่วมประชุม
ภายหลังการปิดห้องพูดคุยกันกว่า 1 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าการประชุมในวันนี้ทุกสโมสรได้เห็นชอบกับร่างข้อบังคับฉบับใหม่ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลของฟีฟาทุกข้อ ยกเว้นเพียงข้อ 21 ผู้แทนและการออกเสียงลงคะแนน (ที่ใช้ 72 เสียง) ข้อเดียว ซึ่งในที่ประชุม นายวิรัช ชาญพานิชย์ ได้ขอสวงนข้อนี้เพื่อกลับไปหารือกันก่อนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังตนได้พูดคุยกับตัวแทนฟีฟาแล้ว และฟีฟา เปิดโอกาสให้มีการแก้ไขได้
โดย นายวิรัช ผู้ลงสมัครชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวว่า “หลังจากนี้ 2 สัปดาห์ ทางสโมสรสมาชิกจะกลับไปหารือข้อสรุปเรื่องคะแนนเสียงที่จะใช้ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด และอีกเรื่องที่สำคัญคือทางฟีฟาระบุว่าทางสมาคมฯต้องจัดตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งขึ้นมา 5 คน โดยให้สโมสรสมาชิกเป็นผู้โหวตคัดเลือก”
ขณะที่ นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี เปิดเผยว่าโอเคกับผลการประชุมวันนี้ “วันนี้ถือว่าโอเค ฟีฟาบอกให้กลับไปหารือได้ แต่ต้องให้จำนวนเสียงทั้งหมดระหว่างทีมอาชีพกับทีมสมัครเล่นบาลานซ์กัน ดังนั้นในส่วนของ ดิวิชัน 2 อาจไม่จำเป็นต้องเป็น 30 เสียง หรือในระดับถ้วย ข, ค, ง อาจจะมากขึ้นก็เป็นได้ แต่ทางฟีฟากำหนดว่าควรที่จะให้อยู่ระหว่าง 60-90 เสียง”
ฟาก นายพินิจ งามพริ้ง อีก 1 ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายใหญ่บอลไทย เปิดเผยว่าทางฟีฟารู้สึกตกใจมากกับเรื่องในวันนี้ “ทางฟีฟารู้สึกช็อกกับการจัดการของสมาคมฟุตบอลฯ เพราะมีหลายเรื่องที่ทางสมาคมฯแจ้งต่อสโมสรสมาชิกไม่ครบ และที่สำคัญทางสมาคมฯไม่เคยแจ้งต่อสมาชิกว่าจะต้องมีการโหวตหาคณะกรรมการเพื่อเข้ามาดูแลในการเลือกตั้งมาก่อน ที่ผ่านมามีเพียงสภากรรมการฯเท่านั้น ส่วนในเรื่องเสียงนั้นทางฟีฟายืนยันว่าสามารถแก้ได้แต่ต้องให้เหมาะสม”
สุดท้าย นายวรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้ออกมาแถลงข่าวถึงข้อสรุปเพิ่มเติมว่า “ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับในร่างข้อบังคับฉบับใหม่ทุกข้อ ดังนั้นแสดงว่าร่างข้อบังคับนี้ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่ทางคุณวิรัชได้ขอสงวนข้อ 21 ไว้ เพื่อกลับไปหารือกันกับกลุ่มของตนเอง ซึ่งหากคุณวิรัชต้องการจะเข้ามาพูดคุยกับผม ผมก็พร้อม แต่ทั้งนี้ยืนยนว่าฟีฟาระบุมาแล้วว่าต้องเป็น 72 เสียง แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่มาของจำนวนเสียงในดิวิชัน 2 และทั้งนี้ก็ไม่ได้มีใครแย้งเรื่องที่จะต้องเพิ่มให้มากขึ้นจาก 72”
พร้อมกันนี้ “บังยี” ได้กล่าวถึงเรื่องที่ทางฟีฟาจะตั้งคณะกรรมการฉุกเฉินเข้ามาพิจารณาโทษหากไม่มีการโหวตรับรองธรรมนูญใหม่ในวันนี้ว่า “ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ทางฟีฟาจะต้องตั้งคณะกรรมการให้พิจารณาเพราะทุกฝ่ายก็เห็นชอบด้วย ส่วนการเลือกตั้งนั้นอาจไม่การันตีว่าต้องเป็นวันที่ 23 กันยายน ตามกำหนดเดิม แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในกรอบวันที่ 30 กันยายน ซึ่งธรรมนูญใหม่นี้ทางฟีฟาแจ้งว่าต้องส่งให้แต่ละสโมสรล่วงหน้าก่อน 45 วัน”
อดีตนายกสมาคมฟุตบอลไทย 3 สมัย กล่าวต่อถึงปัญหาความวุ่นวายเรื่องใบมอบอำนาจในช่วงเช้าว่า ทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี สามารถคุยกันได้ เพราะถ้ามีฝ่ายใดกล้าเข้ามารับผิดชอบหากเกิดปัญหาก็ยินดีที่จะให้เข้ามาควบคุม ส่วนที่ระบุว่าต้องใช้ใบมอบอำนาจของทางสมาคมฯนั้น ตนยังยืนยันว่าสภากรรมการสามารถออกแบบและแก้ไขได้
