นายเนวิน ชิดชอบ, นายอรรณพ สิงห์โตทอง, นายวิรัช ชาญพานิชย์ 3 แกนนำฝ่ายค้าน พร้อมด้วยสโมสรสมาชิกรวม 132 ทีม จัดประชุมวางแผนรับมือในการโหวตรับรองข้อบังคับฉบับใหม่ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยดีเดย์เตรียมยื่นจัดเลือกตั้งนายกสมาคมฯคนใหม่เองในวันที่ 24 สิงหาคม นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ นายวรวีร์ มะกูดี รักษาการนายใหญ่บอลไทย ถ่วงเวลาออกไป ขณะที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ลั่นหากมีการทำผิดข้อบังคับคณะกรรมการของสมาคมฯต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ สโมสรกองทัพบก (วิภาวดี) แกนนำฝ่ายท้าชิงนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่ นำโดย นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี, นายภีมเดช อมรสุคนธ์ นายกสโมสรจังหวัดระยอง หรือ ทนายอ๊อด และ นายวิรัช ชาญพานิชย์ กับ นายพินิจ งามพริ้ง 2 ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายใหญ่บอลไทย พร้อมด้วยสโมสรสมาชิกรวมทั้งสิ้น 132 สโมสร จัดการประชุมหารือเพื่อวางแนวทางในการเลือกตั้ง โดยมี ตัวแทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
โดย นายวิรัช กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการรวมตัวกันครั้งนี้ว่า เพื่อเป็นการให้ข้อมูลและกำหนดขั้นตอนที่จะดำเนินการต่อไปในการรับมือการเปิดประชุมรับรองมติข้อบังคับฉบับใหม่ของสมาคมฟุตบอลฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคม นี้ “วันนี้เราจะยังไม่จัดเลือกตั้งเองเพราะต้องการให้เป็นไปตามกำหนดการที่ กกท.วางเอาไว้ เพียงแต่เรายังกังวลเรื่องปัญหาใบมอบอำนาจสำหรับสโมสรสมาชิกที่จะใช้เข้าร่วมประชุม แม้ว่าทาง กกท.จะส่งหนังสือยืนยันมาแล้วก็ตาม ทั้งนี้เราจึงเตรียมการรับมือด้วยการให้ฝ่ายกฎหมายตั้งโต๊ะเพื่อรวบรวมรายชื่อสมาชิกที่มีปัญหาเรื่องใบมอบฉันทะและไม่สามารถเข้าประชุมได้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลหากมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะเป็นการขัดต่อสิทธิสมาชิกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์”
“ส่วนสมาชิกคนใดที่สามารถเข้าไปร่วมประชุมได้ก็ขอให้เข้าไปก่อน เพื่อที่จะสอบถามความชัดเจน เพราะวาระในหนังสือที่ทางสมาคมฯส่งให้แต่ละสโมสรนั้นไม่มีหัวใดที่ข้อระบุว่าจะเปิดโหวตรับรองมติตามที่ กกท.กำหนดมา แต่กล่าวเพียงว่าเป็นเรื่องเพื่อทราบและพิจารณาเท่านั้น และหากทางสมาคมฯยังดึงดันที่จะประชุมต่อ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะร่วมประชุมด้วย” บิ๊กก๊องกล่าว
ด้าน นายเนวิน ยังยืนยันตามเดิมว่าการรับรองข้อบังคับฉบับใหม่ที่ทางสมาคมฟุตบอลฯอ้างว่าเป็นไปตามฟีฟานั้นเป็นการทำผิดกฎหมาย “สำหรับผมเปรียบเสมือนเป็นสงคราม พวกหนึ่งยึดกฎไทยส่วนอีกพวกยึดกฎฟีฟา และสิ่งที่ นายวรวีร์ จะทำในวันพรุ่งนี้นั้นคือการบังคับให้คนไทยรับในสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายไทย”
“จากนี้ผมเสนอให้ทำตามโรดแมปที่ทาง กกท.วางไว้ หากพรุ่งนี้สมาคมฯเปิดให้มีการลงมติเราก็จะโหวตไม่รับรอง แต่หากเป็นการแจ้งเพื่อทราบว่าจะใช้เลย เราก็จะเข้าชื่อ 2 ใน 3 ยื่นคัดค้านไปที่ กกท.ว่าเป็นการผิดข้อบังคับ และพร้อมกันนี้วันดังกล่าวเราก็จะเข้าชื่อ 1 ใน 3 ยื่นต่อ กกท.ขอจัดประชุมใหญ่โดยมีวาระเลือกตั้งนายกสมาคมฯในวันที่ 24 ส.ค.นี้ทันทีตามสิทธิ์ที่เรามี พร้อมส่งจดหมายไปให้แต่ละทีมรับทราบ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ วรวีร์ ไม่สามารถ่วงเวลาได้อีกต่อไป เพราะหากแม้ กกท.จะมีคำสั่งให้สมาคมฯจัดเลือกตั้ง แต่ทางสมาคมฯอาจจะไม่ปฏิบัติตามก็เป็นได้ และวันที่ 24 ส.ค.นี้จะเป็นวันชี้ชะตาทุกอย่าง” นายใหญ่เซราะกราว กล่าวอย่างมั่นใจ
ขณะที่ นายสมพร ไชยสงคราม ผู้อำนวยการกองนิติการของ กกท.ที่มาสังเกตการณ์กล่าวว่า “เรื่องใบมอบอำนาจนั้นต้องเป็นไปตามที่ข้อบังคับระบุไว้ ซึ่งตามกฎหมายระบุแค่ว่า “สมาชิก มอบให้ สมาชิก” ส่วนในข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯนั้นบอกแค่เพียงว่า “ต้องเป็นลายลักษณ์อักษร” ซึ่งแม้วันที่ 9 ส.ค.จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่มีกฎหมายใดที่รองรับให้ กกท.สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่คณะกรรมการของสมาคมฯเป็นผู้จัดการ แต่หากคณะกรรมการทำผิดข้อบังคับก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และจากนั้น กกท.จึงจะสามารถใช้อำนาจที่มีในดำเนินการต่อไป”