ตัวแทนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ออกตัวเข้าข้าง “บังยี” วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เต็มที่ ยืนยันต้องใช้ 72 เสียงในการจัดการเลือกตั้งนายกใหญ่บอลไทยคนใหม่ พร้อมลั่นหากมติรับรองธรรมนูญข้อบังคับฉบับใหม่ไม่ผ่านโหวต หรือมีการจัดการเลือกตั้งเอง แบนทันที
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา เวลา 14.00 น.ที่โรงแรม โกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน นายวรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เชิญ มร.เจมส์ จอห์นสัน และ มร.เธียรี เลอ-เกอเนส 2 ตัวแทนจากฝ่ายดูแลและพัฒนาชาติสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา มาเปิดแถลงข่าวตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการใช้ธรรมนูญข้อบังคับฉบับใหม่ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตามมาตรฐานลูกหนังโลกเป็นครั้งที่ 2 ก่อนจะมีการเปิดประชุมเพื่อให้สมาชิกโหวตรับรองวันที่ 9 สิงหาคม นี้
โดย มร.เธียรี กล่าวว่า ฟีฟาเริ่มมีการบังคับใช้ธรรมนูญใหม่ตั้งแต่ปี 2005 และเวลานี้มีชาติสมาชิกที่ดำเนินการไปแล้วกว่า 70% ซึ่งในส่วนของประเทศไทยก็ผ่านร่างอนุมัติจากสภากรรมการไปตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีการนำมาบังคับใช้ กระทั่งเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ฟีฟาได้มีมติให้สมาคมฟุตบอลบังคับใช้ธรรมนูญฉบับปรับปรุงใหม่สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะมองว่าธรรมนูญฉบับเก่าไม่ได้ปกป้องคุ้มครองสิทธิ์ของสมาชิกอย่างชัดเจน
เรื่อง 72 เสียงที่เป็นประเด็นขัดแย้งอยู่นั้น เราเป็นผู้กำหนดมาเองหลังจากได้ดูโครงสร้างการแข่งขันทั้งหมด เรายอมรับไม่ได้ว่าทีมสมัครเล่น ที่ไม่มีความชัดเจน และไม่รู้ว่ามีตัวตนหรือไม่ ลงแข่งขันเพียงไม่กี่แมตช์ จะมีสิทธิ์เท่าเทียมกับทีมที่ลงแข่งขันตลอดทั้งปี และในข้อบังคับฉบับใหม่นั้นทั้ง 72 เสียงจะเป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอลฯอย่างชัดเจน กล่าวคือสโมสรที่เป็นสมาชิกของลีกก็จะเป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอลฯทันที ฟีฟาไม่ได้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกฎหมายไทยมากนัก แต่เชื่อว่าสมาคมฟุตบอลฯได้ศึกษามาอย่างดีแล้ว และจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่ขัดกับกฎหมาย อาจจะมีหลายฝ่ายที่กังวลว่าธรรมนูญนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายกสมาคมฯคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นบอร์ดบริหารของฟีฟาด้วยนั้น เราขอยืนยันว่าฟีฟาปฏิบัติกับชาติสมาชิกอย่างเป็นกลางและเท่าเทียมกัน
มร.เธียรี กล่าวย้ำว่า การประชุมใหญ่ของสมาคมฟุตบอลฯ เราจะเข้าร่วมสังเกตุการณ์ และหากธรรมนูญฉบับนี้โหวตไม่ผ่าน ฟีฟาจะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการฉุกเฉินเพื่อออกมาตรการ “แบน” สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และจะไม่ใช่เพียงทีมชาติไทยเท่านั้น สโมสรที่เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก อยู่ รวมทั้งการอบรมผู้ตัดสินและผู้ฝึกสอนจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ทันที
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงบทลงโทษหากถูกแบนขึ้นจริง โดยตัวแทนลูกหนังโลก ตอบว่า “เรื่องนี้จะถูกกำหนดโดยบอร์ดบริหารฟีฟาและคณะกรรมการฉุกเฉิน ในกรณีของไทยนั้นเราขอย้ำว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่หากเกิดขึ้นก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นระยะเวลานานเท่าไร อยู่ที่ว่าสมาคมฯจะดำเนินการตามที่ฟีฟามีคำสั่ง ก็คือแก้ไขตรงส่วนที่ทำให้ถูกแบนได้ ตัวอย่างเช่นประเทศแคเมอรูน ที่ถูกแบน 2 อาทิตย์ เพราะพวกเขาแก้ปัญหาได้ แต่ก็มีบางชาติใช้เวลานานถึง 2 ปี และฟีฟาจะไม่รับรองผลการเลือกตั้งของสมาชิกที่จะจัดขึ้นเองโดยไม่ใช้ธรรมนูญใหม่ของฟีฟา และจะดำเนินการแบนประเทศไทยตามขั้นตอนทันทีหากเกิดขึ้น
ด้าน “บังยี” ยืนยันว่าการประชุมใหญ่พิเศษวันที่ 9 ส.ค.56 ที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติหนองจอก เวลา 11.00 น.นั้น จะมีการโหวตรับรองธรรมนูญฉบับใหม่แน่นอน แม้ในหนังสือเชิญสโมสรจะระบุเพียงว่าเป็นการแจ้งให้ทราบและเพื่อพิจารณาก็ตาม ส่วนเรื่องใบมอบอำนาจจะต้องใช้ตามแบบฟอร์มที่สมาคมฟุตบอลฯออกไปให้เท่านั้น