“บังยี” ยันไทยโดนแบน ไม่กระทบบอร์ดฟีฟาตนเอง

“บังยี” วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผยว่าแม้ประเทศไทย จะถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ลงโทษแบน แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งบอร์ดบริหารลูกหนังโลกของตนแน่นอน พร้อมยืนยันใช้ 72 เสียงเลือกตั้งประมุขบอลไทย ชี้เปิดให้สมาชิกเจรจากับฟีฟาแต่ก็ไม่ทำ

หลังจากที่มีหนังสือคำเตือนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา แจ้งให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดำเนินการเคลียร์ปัญหากับสโมสรพัทยา เอฟซี เรื่องการฟ้องร้องศาลจังหวัดมีนบุรี ไม่ให้นำข้อบังคับลักษณะปกครองฉบับใหม่มาให้สโมสรสมาชิกรับรอง ภายในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ไม่เช่นนั้นจะมีการเรียกประชุมด่วนเพื่อลงโทษประเทศไทยซึ่งอาจจะรวมไปถึงการแบนในการแข่งขันระดับนานาชาติ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ตั้งโต๊ะแถลงเรื่องดังกล่าวพร้อมเปิดให้สื่อมวลชนซักถาม ณ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน โดย “บังยี" ยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวที่ออกโดย มร.มาคัส แคทเนอร์ รองเลขาธิการ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.นั้น เป็นของจริงและสามารถพิสูจน์ได้ เพราะเป็นการส่งทางอีเมลไม่ใช่แฟกซ์เหมือนก่อน จึงไม่จำเป็นต้องมีการลงรับ หรือไม่มีหัวขึ้นต้น และทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้

ส่วนเรื่องคดีฟ้องร้องกับ พัทยา เอฟซี รวมถึงการแก้ไขข้อบังคับให้เป็นฉบับใหม่นั้น “ฟีฟา” เปิดเผยว่าได้ส่งหนังสือให้กับทางพัทยาฯเพื่อถอนฟ้องแล้ว ซึ่งฟีฟาได้ระบุชัดเจนแล้วว่าหากไม่ปฏิบัติตามจะเกิดผลอย่างไร เราอาจจะสูญเสียความเป็นสมาชิก รวมทั้งทีมจากต่างประเทศก็จะไม่มาแข่งขันในประเทศไทยด้วย ซึ่งอาจรวมถึงที่สโมสรดังจากยุโรปทั้ง แมนฯยู, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลนา กำลังจะเดินทางมาแข่งขันนัดพิเศษในช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค.รวมถึงเรื่องที่ว่าหากสามารถเปิดให้มีการโหวตรับรองธรรมนูญใหม่ได้ แต่มีคะแนนเสียงรับรองไม่ถึง 2 ใน 3 ก็ต้องปล่อยให้เป็นขบวนการของฟีฟาเช่นกัน

เมื่อถูกถามว่าหากประเทศไทยต้องถูกแบนจากฟีฟาจริง วรวีร์ ในฐานะนายกสมาคมฟุตบอลฯคนปัจจุบันที่มีตำแหน่งในบอร์ดบริหารฟีฟาจะได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่ และจะรับผิดชอบอย่างไร เจ้าตัวกล่าวว่า “ผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ผมพยายามแก้ไขให้ทุกอย่างเป็นไปในแนวทางของฟีฟา ส่วนตำแหน่งในฟีฟาของผมคงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้”

นอกจากนี้ บังยี ยังกล่าวย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงเสียงโหวตเลือกตั้งจาก 183 เสียงให้มาเป็น 72 เสียงว่า เป็นสิ่งที่ฟีฟาต้องการไม่ใช่ตัวเขาเอง “ฟีฟาได้มาศึกษาโครงสร้างของประเทศเราเหมาะสมกับแบบไหนแล้วก็กำหนดขึ้นมาไม่ใช่ทางสมาคมฯเสนอไป ซึ่งหากสโมสรไหนที่เสียสิทธิ์และไม่เห็นด้วยก็อยากให้บอกกับฟีฟาในที่ประชุมไม่ใช่ฝากสโมสรใหญ่ๆ มาพูด เพราะผมเห็นว่าคนพูดเขาไม่ได้เสียสิทธิ์อะไร”