“บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ 1 ในผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถอยทัพยอมรับหลักเกณฑ์ใช้ 72 เสียงโหวตเลือกตั้ง แต่เปลี่ยนวิธีการคัดเลือกทีมในส่วนดิวิชัน 2 จาก 30 เสียง เป็น 24 เสียง แล้วมาเพิ่มในโควตาบอลถ้วยพระราชทาน ข, ค และ ง เป็น 12 ทีมแทน พร้อมยืนยันฟีฟาเห็นพ้องด้วยแล้ว และ นายวรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฯก็ไม่น่าจะมีข้ออ้างใดๆ อีก
ความคืบหน้ากรณีปัญหาการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่ หลังจากที่ นายวิรัช ชาญพานิชย์ ขอสงวนข้อ 21 เรื่องผู้แทนและการออกเสียงลงคะแนน (ใช้ 72 เสียง) ในร่างข้อบังคับฉบับใหม่ของสมาคมฟุตบอลฯไว้ก่อน โดยทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ได้ให้เวลา 2 สัปดาห์ เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้ ก่อนที่จะทำการขอมติจากสโมสรสมาชิกในวันที่ 23 สิงหาคม นี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายวิรัช ได้เผยว่าขณะนี้ได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยโดยตนจะยอมถอยใช้ 72 เสียงโหวต แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการคัดสรรทีมที่จะมีสิทธิ์ลงคะแนนในส่วนของลีกภูมิภาค (ดิวิชัน 2) จากเดิมที่ใช้โซนละ 5 เสียง จาก 6 ภูมิภาค รวมเป็น 30 ทีม เป็นใช้อันดับ 1-4 ตามแรงกิงหลังจบเลกแรกของฤดูกาลนี้แทน รวม 6 ภาค เป็น 24 ทีม ขณะที่ในส่วนของถ้วยพระราชทาน ข, ค และ ง จากเดิมที่แชมป์กับรองแชมป์ 6 ทีมเท่านั้นที่จะได้โควตา เปลี่ยนเป็นทีมที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศของแต่ละถ้วย รวม 3 ถ้วย 12 ทีม ส่วนในไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชัน 1 นั้น ระดับละ 18 ทีมตามเดิม
โดย “บิ๊กก๊อง” กล่าวว่าฟีฟาได้ยอมรับหลักการนี้แล้ว “หลังจากที่เราได้หารือกับทางฟีฟาตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สรุปว่าผมได้ยอมถอยมาก้าวหนึ่ง และทางฟีฟาเองเมื่อได้รับข้อมูลมากขึ้นก็ได้เห็นชอบกับหลักเกณฑ์ข้างต้นแล้ว จากนี้ก็จะนำไปหารือกับทางสมาคมฟุตบอลฯ และฟีฟาอีกครั้งก่อนการประชุมในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ซึ่งหากเรียบร้อยก็จะโหวตรับรองเลย แต่หากไม่เป็นไปตามนี้ก็จะโหวตไม่รับรองและเตรียมจัดเลือกตั้งเองในวันที่ 24 สิงหาคม ตามกำหนดเดิมทันที”
“ซึ่งในเมื่อทุกอย่างฟีฟาเห็นชอบแล้ว ทางวรวีร์ที่อ้างฟีฟามาตลอดก็คงไม่มีข้ออ้างที่จะไม่รับแต่อย่างใด ผมยอมให้ฟุตบอลถ้วยที่มี 100 กว่าทีม ได้สิทธิ์เหลือเพียงแค่ 12 ทีมเอง ส่วนดิวิชัน 2 ที่มีทั้งหมด 84 ทีม ได้โควตาถึง 24 ทีม ไม่เป็นธรรมตรงไหน ถ้าจะเอาทั้งหมดเลยก็ได้ แต่ฟีฟาเห็นชอบหรือเปล่าล่ะ ขณะที่ในเรื่องของสโมสรสมาชิกฝั่งเราที่จะไม่ได้รับสิทธิ์นั้นผมก็ได้พูดคุย และสัญญาแล้วว่าทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการพัฒนาให้ดีขึ้น และในอนาคตหากผมมีอำนาจจัดการก็ได้เตรียมแผนรองรับต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว” วิรัช กล่าว
สำหรับในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ช่วงเช้าเวลา 10.00-12.00 น.ทั้ง 3 ฝ่าย ฟีฟา, สมาคมฟุตบอลฯ และ ฝั่งนายวิรัช จะเข้าพูดคุยเพื่อสรุปขั้นสุดท้าย ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน ก่อนที่ช่วงบ่ายเวลา 14.00 น.จะมีการเปิดประชุมพิเศษขอรับรองมติร่างข้อบังคับฉบับใหม่
