xs
xsm
sm
md
lg

แกรนนูลาร์ วอน ส.แบดให้ “เอ-อาร์ต” คืนสนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แกรนนูลาร์ วอนสมาคมแบดฯ ให้โอกาส เอ-อาร์ต คืนสนาม(รูปจากแฟ้มภาพ)
เจน ปิยะทัต ประธานสโมสรแกรนนูลาร์ วิงวอนสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ลดโทษและให้โอกาสแก่บดินทร์ อิสระ และ มณีพงศ์ จงจิตร ได้ลงสนามทำผลงานดพื่อเป็นชื่อเสียงแก่ประเทศชาติอีกครั้งเป็นการทดแทน หลังจากได้ยื่นคำอุทธรณ์ต่อสมาคมฯไปเรียบร้อยแล้ว

ความเคลื่อนไหวกรณีทะเลาะวิวาทระหว่าง บดินทร์ อิสระ และ มณีพงศ์ จงจิตร ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ศึกแคนาดา โอเพน ซึ่งทางสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยได้ออกมาแบนห้ามบดินทร์ ลงแข่งขันทั้งในและต่างประเทศเป็นระยะเวลา 2 ปี ส่วน มณีพงศ์ โดนโทษแบนห้ามลงแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ 3 เดือนเช่นกัน ทำให้ไม่มีสิทธิ์ลงแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก “เวิลด์ แชมเปียนชิปส์” ที่เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน

ล่าสุด นายเจน ปิยะทัต ประธานสโมสรแกรนนูลาร์ ได้ออกมาแถลงข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊กส่วนตัวว่าขอวิงวอนให้สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย รับคำอุทธรณ์บทลงโทษแก่ บดินทร์ อิสระ และ มณีพงศ์ จงจิตร ให้กลับมาเล่นกีฬาแบดมินตัน เพราะถือว่าเป้นระยะเวลาที่นานเกินไป และบัดนี้ทั้งคู่ได้สำนึกผิดแล้ว โดยมีเนื้อหาใจความว่าลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2556

แถลงการณ์จากสโมสรแกรนนูลาร์

ผลการตัดสินลงโทษ ก็ได้ประกาศมาแล้วนะครับ โดยบดินทร์ของเราโดนโทษห้ามแข่งเป็นเวลาสองปี และในส่วนของมณีพงษ์โดนตัดสิทธิห้ามแข่งเป็นเวลาสามเดือน พร้อมเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนสามารถยื่นคำอุทรณ์ได้ ส่วนตัวผมโดนโทษ 6 เดือนครับ

ผมเองเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการที่สมาคมได้ประกาศทำโทษบดินทร์ในเหตุการณ์ครั้งนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บดินทร์มีทางเลือกหลายทางที่จะรับมือกับการแสดงความดีใจ และท่าทางของคู่แข่ง เวลาได้แต้ม แต่ทางนักกีฬาของเรากลับไม่ได้แยกแยะปัญหาระหว่างความขัดแย้งส่วนตัวกับแท็กติกในเกมส์การแข่งขัน บวกกับขาดประสบการณ์ที่จะรับมือกับแรงกดดันในขณะนั้น จึงไม่สามารถควบคุมตัวเอง ปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำความคิด เหตุการณ์จึงบานปลายไปถึงขนาดนั้น

ในส่วนของทางมณีพงศ์ เมื่อผมได้มีโอกาสพูดคุยกับบดินทร์แล้ว รวมทั้งพิจารณาภาพจากคลิปต่างๆ ในหลายๆ มุม อีกทั้งที่ได้พูดคุยกับบุคคลที่เป็นกลางอีกหลายท่าน ผมเองรู้สึกเห็นใจที่มณีพงษ์ต้องถูกลงโทษถึงสามเดือน ทำให้เขาเสียสิทธิในการแข่งขันชิงแชมป์โลกในปีนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็พยายามทำผลงานจนมีคะแนนสะสมเพียงพอเข้าไปแข่งขันในรายดังกล่าว ผมเองไม่สามารถบอกได้ว่ามณีพงษ์ผิดหรือถูกจากการใช้คำพูด ถากถางยั่วยุกัน และก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่า การแสดงท่าทางดีใจเวลาได้แต้มของเขานั้น ถูกหรือผิด เพราะถ้าคนที่เล่นแบดมินตันก็คงเข้าใจดีว่า การแสดงออกเหล่านั้นเห็นกันอยู่แทบทุกวงการกีฬา จะมากจะน้อย มีแน่นอน แต่จะเหมาะสมหรือมากเกินไปแค่ไหน กรรมการในสนามจะเป็นผู้ตัดสินใจที่จะเตือนหรือตัดแต้มผู้เล่นเอง.... ส่วนในเรื่องคำตัดสินลงโทษตัวผมนั้น ผมก็จะน้อมรับครับ ในฐานะโค้ชที่ไม่ได้อบรมนักกีฬาให้รู้จักการควบคุมอารมณ์และตั้งสมาธิกับเกมส์การแข่งขันให้มากกว่านี้ ผมยอมรับว่าผมมีส่วนผิดครับ รวมทั้งการให้สัมภาษณ์บางประโยคที่เคยพูดไปโดยไม่ได้มีเวลาทบทวนหรือพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ผมผิดไปแล้วครับ และนี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า ใครๆ ก็สามารถทำผิดได้ จะเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็มีโอกาสทำผิดได้เช่นกัน แต่การทำผิดนั้น ไม่น่ากลัวเท่ากับการไม่ยอมรับผิดและสำนึกในผิดที่ตัวเองได้ทำไปน่ะครับ

ผมจะรู้สึกผิดหวังและเสียใจเป็นอย่างมากถ้าตัวมณีพงศ์ไม่ได้รับการพิจารณาลดหย่อนโทษด้วยการอุทธรณ์ เพราะในสถานการณ์นั้น มณีพงษ์มีทางเลือกได้แค่ 3 ทาง คือ สวนกลับหมัดต่อหมัด, นิ่งเฉยยอมให้ถูกทำร้าย หรือวิ่งหนีและป้องกันตัว ซึ่งมณีพงษ์ ในวินาทีนั้นก็เลือกทางออกที่ดีที่สุดแล้ว โดยการเลือกที่จะไม่ตอบโต้ แต่วิ่งหนี และพยายามป้องกันตัวด้วยไม้แบดที่อยู่ในมือขณะนั้น น่าเสียดายที่คนดีมีฝีมือ จะต้องเสียโอกาสไปแข่งรายการใหญ่ชิงแชมป์โลก จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ... ผมวิงวอนขอผู้ใหญ่ในสมาคมที่มีอำนาจร่วมตัดสินคำอุทรณ์ครั้งนี้ด้วย ให้พิจารณาลงโทษเพียงสถานเบาและให้โอกาสมณีพงศ์แก้ไขเรื่องดังกล่าว ด้วยผลงานที่น่าภาคภูมิใจในอนาคตอีกหลายรายการที่จะตามมา อย่าทำให้นักกีฬาเสียกำลังใจจากเหตุการณ์ครั้งนี้เลยครับ ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่สามเดือนก็ตาม และในเมื่อทางบดินทร์ก็ออกมายอมรับผิดทั้งหมดแล้ว การแบนมณีพงษ์ แม้แต่วันเดียวก็นานเกินไปครับ

ในส่วนของบดินทร์นั้นก็เช่นกัน การลงโทษห้ามแข่งขันเป็นเวลาสองปีนั้น สำหรับช่วงอายุของเขานั้น ถือว่าเป็นช่วง Prime time ของชีวิตแบดมินตันเลยทีเดียว เป็นช่วงที่นักกีฬามีความแข็งแกร่งทางร่างกาย คนในวงการแบดมินตันย่อมรู้ดีกว่า สองปีในวงจรนักกีฬาแบดมินตันนั้น มันยาวนานมากเกินไป เพราะกีฬาแบดมินตัน ไม่เหมือนกีฬาเช่นกอล์ฟ ที่สามารถแข่งขันได้แม้อายุจะเลยเลขสามหรือเลขสี่ไปก็ตาม ผมเองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางกรรมการสมาคมที่พิจารณาเรื่องอุทธรณ์ของทางเรา อยากให้พิจารณาถึงผลงานที่เขาทั้งคู่ได้สร้างให้คนไทยได้ชื่นใจกันในอดีตที่ผ่านมา มาวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ หลังจากได้มีเวลาทบทวนตัวเองแล้ว ทางบดินทร์ก็รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ตนเองก่อขึ้น และมีความตั้งใจที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของตนและของประเทศให้กลับมาสู่ความน่าภาคภูมิใจอีกครั้ง ด้วยการกระทำและผลงานในการแข่งขัน แต่การลงโทษเขาสองปีนั้น แทบไม่เปิดโอกาสให้เขาได้แก้ไขความผิดของเขาเลย เสมือนการตัดสินประหารทางอาชีพต่อตัวและครอบครัวของเขาไปโดยปริยาย

ของดีในวันก่อน กลายเป็นของเสียในวันนี้ แล้วเราควรเลือกที่จะทิ้งของชิ้นนั้นลงขยะไปโดยไม่ได้ช่วยกันคิดแก้ไข หรือเราควรมาร่วมกันทำของเสียให้เป็นของดี หรือเอาของเสียมา รีไซเคิลทางปัญญากัน ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าน่ะครับ จะได้เป็นบทเรียนให้เด็ก ๆ รุ่นต่อ ๆ ไปครับ ว่าถ้ามีปัญหา ก็อย่าหนีหรือโยนตัวปัญหาทิ้งไป เราจะสอนให้เด็กใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา น่าจะดีกว่าน่ะครับ .... วันนี้เด็กได้ทำผิดไปแล้ว และก็ได้สำนึกผิดแล้ว ผู้ใหญ่อย่างเรามีหน้าที่ช่วยกันขัดเกลาเขา อบรมเขา ให้สติเขา และที่สำคัญก็คือการ “ให้อภัย” ให้โอกาสเขาได้กลับเนื้อกลับตัว เป็นคนดีของสังคมกันดีกว่า ส่วนการลงโทษก็จำเป็นอยู่ แต่ขอให้สมเหตุสมผล เพราะเขาเป็นนักกีฬาที่นำความภาคภูมิใจและชื่อเสียงให้ประเทศมามากมายหลายครั้ง แต่ความผิดครั้งเดียว เราจะทำลายชีวิตเขาทั้งชีวิตเลยก็คงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องน่ะครับ

ผมขอวิงวอนขอความเมตตาจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาคำอุทธรณ์ของนักกีฬาทั้งสองคนน่ะครับ ได้โปรดให้โอกาสเขา ได้ทำในสิ่งที่เขารักและได้แสดงออกซึ่งความสำนึกผิด ผ่านผลงานการแข่งขันแทนการหายหน้าไปจากวงการแบดมินตันที่เป็นทั้งชีวิตของทั้งสองคนด้วยน่ะครับ

เจน ปิยะทัต

ปล.สโมสรได้มีมติในการทำเรื่องอุทธรณ์ให้กับทั้งเอและอาร์ต เพราะอาร์ตเป็นนักกีฬาในสังกัด ส่วนของเอ เนื่องจาก เอเป็นนักกีฬาในสังกัดสมาคม และสมาคมเป็นผู้ตัดสินคำอุทธรณ์ จะเป็นการไม่น่าดูที่จะทำหนังสืออุทธรณ์ให้เอ ดังนั้นทางสโมสรจึงได้รีบทำหนังสือและส่งคำอุทธรณ์ของทั้งสองคนให้กับสมาคมแล้ว หวังว่าจะได้รับความเมตตาโดยเร็ววัน เพราะเอยังมีหน้าที่ที่จะลงแข่งขันในรายการชิงแชมป์โลกต้นเดือนสิงหานี้ด้วยครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น