xs
xsm
sm
md
lg

“บังยี-เนวิน” เกมการเมืองชิง “กกท.” / ชมณัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”

ปัญหาการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่ ดูท่าจะยังไม่จบลงง่ายๆ โดยตอนนี้เข้าสู่ขั้นตอนที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท.หน่วยงานที่เป็นผู้ควบคุมทุกสมาคมกีฬาในประเทศ ได้ออกโรงเคลื่อนไหวเป็นที่เรียบร้อย แม้อาจจะขัดใจชาวบ้านอย่างเราๆ สักหน่อย แทนที่จะเรียกทุกฝ่ายมาคุยกันทีเดียวแล้วฟันธงจบปัญหาแบบง่ายๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเข้าใจหัวอก กกท.เช่นกัน เนื่องจากหากทำอะไรโดยพลการพาลจะโดนฝ่ายเสียประโยชน์ฟ้องเอาดื้อๆ กำหนดการต่างๆ จึงออกมาดูล่าช้าแบบที่เห็น

เริ่มด้วยเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงทีละฝ่าย ก่อนที่จะสรุปว่าเหตุผลที่สมาคมฟุตบอลฯไม่จัดการเลือกตั้งนั้นฟังขึ้นหรือไม่ ซึ่งดูแล้วไม่ว่าหวยจะออกหน้าไหนกว่าจะเสร็จเรื่องก็ลากยาวไปถึงหลังเดือนสิงหาคมนู่นแหละ เพราะถ้า กกท.เห็นด้วยกับสมาคมฯให้เปิดประชุมแก้ไขข้อบังคับก็ใช่ว่าจะเป็นไปตามที่ “บังยี” ต้องการ เพราะมีกว่า 100 สโมสร ที่พร้อมไม่ยกมือสนับสนุน สุดท้ายก็ไม่ได้มติ 2 ใน 3 หรือถ้าเหตุผลของสมาคมฯฟังไม่ขึ้นก็ไม่ได้แปลว่าจะจัดเลือกตั้งได้เลย เพราะหากลองมองดีๆ จะเห็นว่าทั้งสองทางคือการสั่งการไปที่สมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งยังไม่ถึงขั้นที่ทาง กกท.จะเข้าไปเทคแอ็กชันเอง และร้อยทั้งร้อย “บังยี” ไม่จัดเลือกตั้งตามแน่นอน หากไม่ได้เปลี่ยนธรรมนูญให้เป็นฉบับใหม่ที่ใช้ 72 เสียงโหวตเสียก่อน

ฉะนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของ “คณะกรรมการ กกท.” ในวันที่ 30 สิงหาคม เพียงแต่คำสั่งสุดท้ายที่จะออกมานั้นจะต้องรอเนิ่นนานถึงเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้ เพราะบอร์ด กกท.นี้ไม่ได้มีแค่ “บิ๊กหนุ่ม” กนกพันธุ์ จุลเกษม ที่ตัดสินใจคนเดียว แต่ยังรวมไปถึง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ฯลฯ ตลอดจน นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เพิ่งมารับตำแหน่งหมาดๆ

หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับ “พลัง” ของแต่ละฝ่ายแล้วว่าใครจะมีดีกว่ากัน ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ฝั่งขั้วอำนาจเก่า จึงออกมาประโคมข่าวในมุ้งขุดเรื่องลับของ “บิ๊กกีฬาไทย” มาแฉวันต่อวันเสมือนเป็นการดักคอว่าหากจะมีคำสั่งใดๆ ออกมาก็ขอให้คิดให้ดีก่อน ยิ่งเมื่อบวกกับสายป่านชั้นดีในรัฐบาลของ “บังยี” ที่มีดีกรีเป็นถึงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ทำให้คอนเนกชันในการต่อรองมีภาษีขึ้นมากโข ถึงขนาดที่วงในแว่วมาว่าปัญหานี้ไปถึงหูคนไกลที่ “ดูไบ” แล้ว

ขณะที่ฟากผู้ท้าชิงก็ใช่ย่อย นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้จะประกาศก้องขอวางมือทางการเมืองแล้วก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าขาใหญ่อีสานใต้ ยังคงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น กับ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา สมัยที่ทั้งคู่กอดคอกันร่วมจัดตั้งรัฐบาล และ ณ เวลานี้ พูดได้ว่า “บิ๊กเติ้ง” คือผู้อยู่เบื้องหลังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตัวจริง อีกทั้ง นายเนวิน ได้เคยแย้มว่า “บิ๊กท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ในฐานะประธานสโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี ก็เห็นชอบที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำบอลไทยคนใหม่ จึงทำให้เป็นการการันตีชั้นดีถึงขุมกำลังในมือ ทั้งนี้ยังไม่รวมกับกลุ่มชลบุรี ที่มีนายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้หนุนหลัง ถึงขนาดออกหน้าลงนามรับรองให้กับ 108 สโมสรที่ออกมาต่อต้าน

และเมื่อ “กีฬา” มีตัวแปรอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คงต้องติดตามกันอีกยาว เพราะไม่ว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ดั่งภาษิตที่ว่า “การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” เนวิน ที่เคยอหังการถึงขนาดเปลี่ยนขั้วรัฐบาลประเทศไทยมาแล้ว จะสามารถล้ม วรวีร์ ที่คร่ำหวอดในเส้นทางลูกหนังมากว่า 20 ปีได้หรือไม่ แล้วสุดท้ายใครจะเป็นฝ่ายได้พูดคำว่า “มันจบแล้วครับนาย!” กันแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น