“บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ 1 ในผู้ท้าชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าวาระการดำรงตำแหน่งประมุขบอลไทยของ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ได้หมดลงเป็นที่เรียบร้อย และจากนี้เจ้าตัวจะไม่มีอำนาจในการรักษาการ รวมถึงจัดการเลือกตั้งหรือประชุมใหญ่ใดๆ ได้ พร้อมเดินหน้ายื่นเสียงสโมสรสมาชิก 1 ใน 3 ต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จัดการเลือกตั้งภายใน 21 วัน
ความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หลังจากเป็นข้อพิพาทกันมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่้ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายวิรัช ชาญพานิชย์ 1 ในผู้ท้าชิงตำแหน่งนายใหญ่ลูกหนังไทย พร้อมด้วย นายณฐภณ ปัญญาคณานุกูล ประธานสโมสร พัทยา เอฟซี ได้จัดงานแถลงภายใต้หัวข้อ “หมดวาระเลือกตั้ง เราจะไปบอลโลกชาตินี้” ณ ห้องเทวกรรมรังรักษ์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมีสื่อมวลชนมาทำข่าวคับคั่ง
สำหรับประเด็นหลักของการแถลงข่าวครั้งนี้ นายณฐภณ ได้ชี้แจงถึงเหตุผลการที่สโมสรฟุตบอล พัทยา จำกัด ถอนฟ้องสมาคมฟุตบอลฯ กรณีห้ามนำข้อบังคับฉบับใหม่มาโหวตรับรอง แล้วให้ใช้ธรรมนูญฉบับเดิมปี 2556 ที่ยังไม่มีการแก้ไขข้อบังคับใหม่ นำมาใช้เลือกตั้งนายกสมาคมฯ “ที่เรายื่นฟ้องในตอนแรก เพราะหากใช้ข้อบังคับใหม่ทางสโมสรจะเสียสิทธิ์ในการลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ขณะนี้วาระของนายกสมาคมฯได้หมดลงแล้ว และตามข้อบังคับเจ้าตัวไม่สามารถทำอะไรได้ เราจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะฟ้องต่อไป และขอยืนยันว่าสมาคมฯไม่เคยให้ความสำคัญกับถ้วยพระราชทาน ประเภท ข, ค, ง เลย จะมาอ้างว่าเป็นสโมสรผีลงเล่นปีละไม่กี่นัดไม่ได้ เพราะสมาคมฯไม่ยอมจัดลีกให้ลงเล่นเอง"
ขณะที่ นายวิรัช กล่าวยืนยันตามข้อบังคับว่าอำนาจของ “บังยี” ได้หมดลงแล้ว “ตามข้อบังคับลักษณะปกครองของสมาคมฟุตบอลฯ ข้อ 17.3 กำหนดไว้ว่าเมื่อสภากรรมการจะพ้นตำแหน่ง ต้องให้นายกสมาคมฯจัดให้มีการประชุมใหญ่พิเศษ เพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมฯและตั้งสภากรรมการชุดใหม่ภายใน 30 วัน นับจากวันที่พ้นตำแหน่ง ในกรณีที่สภากรรมการจะพ้นวาระให้มีการประชุมใหญ่ประจำปีเพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมฯ และแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และให้กรรมการชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าสภากรรมการชุดใหม่เข้ารับมอบหน้าที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าจะพ้นจากตำแหน่งวาระ คือ ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งก่อนครบกำหนดตามวาระ แต่ที่ผ่านมากลับไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับดังกล่าว”
“ที่ผ่านมา นายวรวีร์ พยายามสร้างความเข้าใจกับสาธารณชนว่าตัวเองยังสามารถรักษาการเพื่อให้มีการจัดการเลือกตั้งได้ภายใน 30 วัน นั่นคือไม่เกินวันที่ 16 ก.ค. 56 ซึ่งถือเป็นการสร้างความสับสน เพราะตามข้อบังคับจะสามารถรักษาการได้ก็ต่อเมื่อสภากรรมการพ้นวาระด้วยการลาออก หรือที่ประชุมใหญ่มีมติ 2 ใน 3 ให้พ้นตำแหน่ง ไม่ใช่กรณีพ้นตำแหน่งตามวาระเช่นนี้ ทำให้สถานภาพเวลานี้ถือว่าได้สิ้นสุดการเป็นนายกสมาคมฯ ไม่มีอำนาจในการบริหารกิจการของสมาคมฯอีกต่อไป และจะรักษาการเพื่อทำหน้าที่เลือกตั้งนายกสมาคมฯครั้งใหม่ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะข้อบังคับฉบับปัจจุบันไม่ได้กำหนดเรื่องรักษาการไว้แต่อย่างใด”
พร้อมกันนี้ “บิ๊กก๊อง” ยังเผยต่อว่า “ในวันที่ 25 มิ.ย. นี้ ทางสโมสรชลบุรี พร้อมสโมสรสมาชิก 100 กว่าสโมสร จะร่วมลงชื่อ และนำหนังสือไปยื่นต่อนายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการ กกท.เพื่อให้ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ภายใน 21 วัน และอยากให้แยกประเด็นเรื่องการเลือกตั้ง กับการแก้ไขข้อบังคับธรรมนูญฟีฟา เพราะเราไม่ได้เห็นขัดแย้ง ถ้ามีการจัดการเลือกตั้ง และหากผมได้รับโอกาสเข้ามาเป็นนายกฯ สิ่งที่ทำเรื่องแรก คือ การแก้ไขข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯ ให้เร็วที่สุด 4 เดือน 6 เดือน แก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้อง เป็นธรรมนูญใหม่ปี 2556 และ ผมจะลาออก เพื่อจัดประชุมใหม่ ให้รู้ว่าไม่กระสันเป็นนายก แต่อยากสร้างบรรทัดฐานที่ดีของสมาคมฯ” อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยทิ้งท้าย
แต่ทั้งนี้ทางฝั่งกกท.ได้ออกมาให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สภากรรมการของสมาคมฟุตบอลฯ ยังสามารถมีอำนาจในการจัดการได้จนกว่าจะมีชุดใหม่เข้ามารับตำแหน่ง ส่วนข้อบังคับการเลือกตั้งนั้นก็ไม่มีระบุชัดเจนว่าหากไม่กำหนดวันเลือกตั้งก่อนที่สภากรรมการฯชุดเดิมจะพ้นวาระ จะส่งผลให้หมดอำนาจแต่อย่างใด