สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เปิดเผยว่าทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นฝ่ายยื่นเรื่องการลดจำนวนสโมสรสมาชิกในการลงคะแนนเลือกตั้งประมุขบอลไทยให้เหลือเพียง 72 เสียงต่อทางฟีฟาเอง ขณะที่ อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี ยืนยันว่าไม่โหวตรับรองแน่นอน เนื่องจากการตัดสิทธิ์สโมสรสมาชิกกว่า 100 เสียงนั้นไม่เป็นธรรม
เมื่อวันที่ 14 มิภุนายน ที่ผ่านมา ณ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นำโดย นายวรีวร์ มะกูดี นายกสมาคมฯ พร้อมคณะกรรมการ ได้เชิญตัวแทนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ประกอบด้วย มร.เธียรี เลอ-เกอเนส ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลและพัฒนาชาติสมาชิกฟีฟา และ มร.เจมส์ จอห์นสัน ผู้จัดการอาวุโสจากแผนกเดียวกัน เข้าร่วมงานการตอบข้อซักถามเรื่องข้อบังคับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ฉบับมาตรฐาน โดย ฟีฟา ท่ามกลางสมาชิกสโมสรและสื่อมวลชนที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
ระหว่างการประชุม นายพินิจ งามพริ้ง 1 ในผู้ลงสมัครเลือกตั้งประมุขบอลไทย ได้ตั้งกระทู้สอบถามถึงเรื่องข้อบังคับต่างๆของธรรมนูญมาตรฐานของฟีฟา ว่าจะประกาศใช้เมื่อใด และหากไม่ทำตามจะส่งผลอย่างไร รวมถึงเรื่องการเปลี่ยนวิธีโหวตการเลือกตั้งให้เหลือเพียง 72 เสียง โดย มร.เธียรี ได้กล่าวว่า หลังจากประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่เกาะเมอริเชียส ทางฟีฟาได้มีมติว่าสมาชิกทั้ง 209 ชาติ ควรอยู่ภายใต้ธรรมนูญมาตรฐานฉบับใหม่ให้เป็นไปทางเดียวกัน ซึ่งทางฟีฟาจะประกาศใช้จริงหลังจากวันที่ 31 ก.ค. 2556
พร้อมกันนี้ ทางสมาคมฟุตบอลแห่งปรเทศไทย ได้ทำเรื่องเข้าไปที่ฟีฟาว่าพร้อมจะเปลี่ยนข้อบังคับเดิมให้เป็นแบบใหม่ เนื่องจากใกล้วันครบกำหนด ซึ่งทางฟีฟาเห็นว่าธรรมนูญฉบับปัจจุบันของไทยไม่สอดคล้องกับที่ฟีฟากำหนดไว้ เช่น ระบบการเลือกตั้งที่เลือกนายกคนเดียว โดยไม่มีการเลือกสภากรรมการ และไม่มีการแบ่งความชัดเจนในเรื่องสภากรรม อาจส่งผลให้การทำงานต่อจากนี้มีปัญหาได้ ทางฟีฟาจึงมีความเห็นว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในอนาคต ซึ่งเชื่อว่าทางประเทศไทยจะจัดเลือกตั้งได้ก่อน 30 ก.ย.นี้ และการมาชี้แจงของฟีฟาในครั้งนี้ ก็เพื่อชีแจงถึงผลประโยชน์ ซึ่งหากสมาชิกไม่รับรองธรรมนูญใหม่ ตนก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีผลกระทบอย่างไน แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคือถูกแบน
ส่วนในเรื่องการเปลี่ยนวิธีลงคะแนนเลือกตั้งเป็น 72 เสียงนั้น ทางสมาคมฟุตบอลฯเป็นฝ่ายเสนอเรื่องให้ทางฟีฟาพิจารณา ซึ่งเราเองก็เห็นชอบด้วย อย่ามองว่าเป็นการตัดสิทธิ์ แต่อยากให้มองว่าอย่าเอาอนาคตของฟุตบอลไทยไปฝากไว้กับทีมสมัครเล่น ส่วนทีมในลีกภูมิภาคจะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งจะคัดหาจากที่ประชุมใหญ่
โดยในเรื่องนี้ นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี ที่เดินทางมาร่วมงาน กลับมองว่า ทางฟีฟายังไม่เข้าใจระบบการเป็นสมาชิกของไทย ซึ่งหลายทีมที่ถูกตัดไปนั้นถูกรับรองจากสมาคม และมีการลงแข่งขันอย่างถูกต้องตามที่สมาคมฯกำหนด ขณะที่ทีมที่เข้ามาเกือบ 30 ทีม กลับไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคม และขอยืนยันว่าในวันที่ 15 มิ.ย. ผมจะไม่โหวตรับรองแน่นอน เพราะการตัดสิทธิ์สโมสรสมาชิกกว่า 100 เสียงนั้นไม่เป็นธรรม ส่วนเรื่องใบมอบอำนาจนั้น ก็อยากให้ทาง กกท. เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ทางชลบุรี ยังไม่ได้รับจากสมาคมฯเลย
ด้าน นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังการแถลงเสร็จสิ้นว่า "ทางฟีฟาชี้แจงชัดเจนแล้ว หวังว่าในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ คงไม่มีใครมาถามคำถามซ้ำซากอีก ทุกอย่างเคลีร์แล้ว เราเป็นสมาชิกของฟีฟา เพราะฉะนั้นต้องทำตามที่ฟีฟากำหนดไว้ เพราะไม่งั้นจะโดนตัดสิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของใบมอบอำนาจนั้น ต้องใช้ตามที่สมาคมกำหนด ผมไม่รู้หรอกว่า ทาง นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย จะพูดอย่างไรผมไม่รับรู้ โดยเฉพาะเรื่องที่บอกว่าจะให้ใช้ใบมอบอำนาจแบบไหนก็ได้ และถ้ามีสโมสรซ้ำซ้อน ใครจะรับผิดชอบ ผู้ว่าฯ กกท.จะรับผิดชอบหรือเปล่า "
สำหรับเรื่องการแก้ไขธรรมนูญข้อบังคับฉบับใหม่ของสมาคมฟุตบอลฯ จะเปิดให้สโมสรสมาชิกลงคะแนนโหวตในการประชุมใหญ่พิเศษสามัญประจำปี 2556 ณ ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติหนองจอก วันที่ 15 มิ.ย. 2556 ตั้งแต่เวลา 11.00น. เป็นต้นไป โดยใช้มติรับรอง 2 ใน 3 จากสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม
