“ยี” ดึง “ฟีฟา” แจงธรรมนูญใหม่ ส่อเลื่อนเลือกตั้ง

“บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดึง มร.เจมส์ จอห์นสัน ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) มาชี้แจงส่อเลื่อนการเลือกตั้งในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ออกไปก่อน โดยอ้างว่าต้องเป็นไปตามธรรมนูญข้อบังคับฉบับใหม่ของฟีฟา

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2556 ณ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน (พระราม 9) เวลา 14.00 น. นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย สภากรรมการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ มร.เจมส์ จอห์นสัน ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เข้าหารือกับ นายสมพร ไชยสงคราม ผู้อำนวยการกองนิติการ สำนักผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และตัวแทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย เรื่องการแก้ไขธรรมนูญข้อบังคับการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย

ภายหลังการปิดประชุมกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง นายวรวีร์ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่มารอติดตามหลายสิบสำนักว่า โดย เจมส์ จอห์นสัน ตัวแทนจากฟีฟายืนยันว่าสมาคมฟุตบอลทั่วโลกที่เป็นสมาชิกของฟีฟาต้องนำธรรมนูญใหม่มาใช้ “วันที่ 31 พ.ค. นี้ ฟีฟาจะจัดประชุมใหญ่ที่สาธารณรัฐมอริเชียส เพื่อให้สมาชิกทั้ง 209 ประเทศรับรองและนำธรรมนูญนี้มาบังคับใช้ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยก็เช่นกัน ต้องมีการประชุมใหญ่เพื่อรับรองและจดทะเบียนก่อนนำไปเลือกตั้ง ซึ่งตามระเบียบฟีฟานั้นต้องเกิดขึ้นภายใน 30 ก.ย. แต่เราคาดว่าภายในเดือน ส.ค. น่าจะมีการเลือกตั้งได้ในส่วนของประเทศไทย แต่หากไม่ทำตามจะมีปัญหาแน่นอน”

ขณะ “บังยี” นายกลูกหนังไทยกล่าวว่า “วันที่ 15 มิ.ย.นี้ ซึ่งจากเดิมเรากำหนดให้เป็นการเลือกตั้ง แต่เนื่องจากเป็นวันครบเทอม 2 ปีของสภากรรมการชุดปัจจุบัน และตามกฏหมายจะต้องเลือกตั้งภายใน 30 วัน เราจึงจะใช้เป็นการประชุมใหญ่เพื่อรับรองธรรมนูญฉบับใหม่ของฟีฟา ซึ่งหากสโมสรสมาชิกรับรอง ตามข้อบังคับใหม่ของฟีฟานั้นจะสิ้นสุดภายในเดือน ก.ย. ส่วนการเลือกตั้งนั้นก็จะมีการแถลงการณ์แจ้งให้ทราบอีกครั้ง”

ส่วนเรื่องความไม่ชัดเจนในการคัดเลือกสโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์การลงคะแนนเลือกตั้งในข้อบังคับใหม่นั้น “บังยี” กล่าวว่า “จะมีทั้งหมด 72 เสียงตามที่ออกมา ในส่วนตัวแทนของดิวิชัน 2 จำนวน 30 เสียง จาก 6 ภูมิภาค (ภูมิภาคละ 5 เสียง) นั้น จะให้ไปคัดเลือกกันเองในแต่ละภูมิภาค ขณะที่ทีมที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในการลงคะแนนก็จะยังเป็นสมาชิกเหมือนเดิมเพียงแต่สิทธิ์จะต่างออกไป เพราะเราต้องให้ประโยชน์แก่ผู้ที่มีส่วนได้เสียโดยตรงมากกว่า”

ขณะที่ สมพร ไชยสงคราม ตัวแทน กกท.กล่าวว่า ทาง กกท.ไม่ขัดกับธรรมนูญใหม่นี้ เนื่องจากเราได้ตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีการแก้ไขเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งจาก 2 เป็น 4 ปี ซึ่งขัดกับ พ.ร.บ.กีฬา ส่วนเรื่องคะแนนเสียงการเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องของสมาชิกในสมาคมว่าจะลงมติกันอย่างไร แต่ต้องรับรอง 2 ใน 3 ของผู้ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนที่เดินทางเข้าร่วมประชุม ซึ่งการประชุมใหญ่ครั้งที่แล้ว (31 มี.ค. 56) นั้นเป็นเพียงการขอมติให้สมาชิกรับไปพิจารณาเท่านั้น และหากวันที่ 15 มิ.ย.นี้ มีการเห็นชอบจากสโมสรสมาชิกเรียบร้อย ก็ต้องส่งเรื่องมาให้ กกท.ตรวจสอบ และนำไปจดทะเบียนกับ กรมการปกครอง ภายใน 14 วัน ส่วนวันเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องของสมาคมฯที่จะตัดสินใจกับสมาชิกเอง ซึ่งจะขัดต่อข้อกฎหมายหรือไม่นั้นต้องให้กรมการปกครองในฐานะผู้จดทะเบียนครั้งที่แล้วเป็นคนตัดสิน”