“บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกโรงโต้ข้อพิพาทกรณีที่ตนเตรียมประกาศใช้ธรรมนูญใหม่ ให้เป็นไปตามสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ว่าหากไม่ปฏิบัติแล้วเกิดปัญหาถูกสั่งห้ามเข้าร่วมสังฆกรรมกับลูกหนังโลก ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมเผยขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดยื่นคัดค้านอย่างเป็นทางการ
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เดินทางเข้าร่วมประชุมหารือกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่ห้องประชุม 211 อาคาราชมังคลากีฬาสถาน กกท.ร่วมด้วย นายมนตรี ไชยพันธุ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และ นายสุกิจ จงสถิตเสถียร ผู้แทนกรมการปกครอง ถึงเรื่องกำหนดการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ วาระใหม่ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน นี้
โดย “บังยี” ได้เผยถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายคัดค้านการใช้ธรรมนูญข้อบังคับใหม่ ที่ตนอ้างว่าเป็นไปตามสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ว่าตอนนี้ยังไม่เห็นใครคัดค้านมาที่ตนอย่างเป็นทางการ แต่ขอยืนยันว่าการที่ฟีฟาออกกฎระเบียบขึ้นมากำหนดให้สมาคมฟุตบอลฯทุกประเทศทั่วโลกปฎิบัติ ถือเป็นหลักสากลทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่งใสบริสุทธิ์ยุติธรรม หากเราไม่ปฎิบัติตามและเกิดปัญหาถูกสั่งห้ามเข้าร่วมสังฆกรรมกับฟีฟาใครจะรับผิดชอบ
การจะแก้ไขกฎระเบียบของสมาคมฯ นั้น ผมต้องรอให้ถูกกฎหมายก่อนถึงจะแก้ไข ถ้าผิดกฎหมายผมไม่ทำอยู่แล้ว ผมต้องรอให้ พ.ร.บ.กีฬาคลอดมาซะก่อน ซึ่งผมก็ต้องชี้แจงให้ฟีฟา ทราบว่า ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้น เป็นหลักการที่ทางฟีฟากำหนดไว้สำหรับสโมสรที่มีการลงทุนและดำเนินกิจกรรมกับทางสมาคมฟุตบอลฯ ตลอดน่าจะมีสิทธิ์ได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เช่น ไทยพรีเมียร์ลีก, ดิวิชัน 1, ส่วนดิวิชัน 2 ก็ต้องมาคัดเลือกกันอีกที เช่นเดียวกับ พวกสโมสรในถ้วย ก, ข, ค, ง ที่ลงแข่งแค่ปีละ 1 ครั้ง เพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น แตกต่างจากสโมสรที่มีกิจกรรมทุกๆ ปี เพราะฉะนั้น เราควรจะแยกแยะความสำคัญของแต่ละสโมสร
ประมุขลูกหนังไทย กล่าวต่อว่า ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ฟีฟาจะส่งตัวแทนมาเข้าร่วมประชุมหารือกับสมาคมฟุตบอลฯ ในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ที่สมาคมฟุตบอลฯ เวลา 14.00น.เพื่อชี้แจงถึงวัตถุประสงค์การกำหนดการเลือกตั้งตามธรรมนูญฟีฟาฉบับใหม่ ทั้งนี้ตนจะเชิญการกีฬาแห่งประเทศไทยองค์กรกีฬาที่ควบคุมวงการกีฬาชาติเข้าร่วมรับฟังด้วย
ทั้งนี้สำหรับธรรมนูญข้อบังคับใหม่ที่ทางสมาคมฟุตบอลฯเตรียมประกาศใช้นั้น ได้รับการรับรองจากสโมสรสมาชิกในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2556 จำนวน 55 เสียง และไม่รับรอง 48 เสียง โดยมีข้อแก้ไขที่สำคัญอาทิเช่น การแก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งของนายกสมาคมฯเป็น 4 ปี (จากเดิม 2 ปี) และ ลดสิทธิ์การลงคะแนนของสโมสรสมาชิก เหลือ 72 เสียง (เดิม 184 เสียง)
