“เจ๊มล” นฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการกฎหมาย สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ด้านการกีฬา เร่งให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ทำหนังสือเพื่อให้สมาคมฟุตบอลฯจัดการเลือกตั้งโดยด่วน ย้ำหากยังขัดขืน ทางนายทะเบียนสามารถไม่รับจดทะเบียนสมาคมฯ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 125
เมื่อเวลา 10.30 น. วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2556 การประชุมคณะอนุกรรมาธิการการกฎหมาย สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ด้านการกีฬา ในคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภา ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข 105 ชั้น 1 อาคารรัฐสภา 2 โดยมี นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการกฎหมายฯ เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งในที่ประชุมได้พิจารณาปัญหาอุปสรรคและทางออกในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นางนฤมล ได้กล่าวสรุปรายละเอียดการประชุมว่า 1.คณะอนุกรรมาธิการการกฎหมาย สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ด้านการกีฬา จะส่งหนังสือถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อให้เร่งรัดให้สมาคมฟุตบอลจัดการประชุมใหญ่ และจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ 2.คณะอนุกรรมาธิการการกฎหมายฯ ขอให้การกีฬาแห่งประเทศไทย พิจารณาบทลงโทษอย่างจริงจัง โดยอ้างอิงตามข้อบังคับของสมาคมฯ คือ อำนาจหน้าที่สภากรรมการ ตามข้อ 16.4, 16.5 และ 16.10 ต่อด้วยการพ้นตำแหน่งของสภากรรมการ ตามข้อ 17.3 เรื่องการประชุมใหญ่ประจำปีตามข้อที่ 20.5 และเรื่องการประชุมใหญ่พิเศษตามข้อที่ 21.1, 21.2 และ 21.3
3.สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะต้องส่งเอกสารรายงานการประชุมทุกครั้งให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยให้ย้อนหลังเป็นระยะเวลา 4 ปี ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ข้อ 21 และอ้งอิงตาม พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย 2528 มาตรา 54 ความว่า สมาคมที่ได้รับอนุญาตจาก กกท.ตามมาตรา 53 ต้องอยู่ในความควบคุมของ กกท.และต้องปฏิบัติตามข้อบังคับที่ กกท.กําหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
ทั้งนี้หากนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ยังขัดขืนที่จะไม่มีการประชุมใหญ่ของสมาคมฯ เพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ ก็พร้อมที่จะให้ กกท.พิจารณาบทลงโทษแก่สมาคมกีฬา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 125 วรรคสอง คือถ้านายทะเบียนเห็นว่ากรรมการของมูลนิธิตามวรรคหนึ่งผู้ใด มีฐานะหรือความประพฤติไม่เหมาะสม ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธินายทะเบียนจะไม่รับจดทะเบียนกรรมการของมูลนิธิผู้นั้นก็ได้ ในกรณีที่นายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนกรรมการของมูลนิธิ นายทะเบียนต้องแจ้งเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียนให้มูลนิธิทราบภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนและให้นำความใน มาตรา 115 วรรคสี่ และวรรคห้า มาใช้บังคับโดยอนุโลม
“อย่างไรก็ตามในพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ ซึ่งมีบทลงโทษสำหรับสมาคมฯที่ขัดคำสั่งไม่มีการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ จะมีบทลงโทษสูงสุดคือจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่บทกฎหมายฉบับดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนในสภา และใช้ระยะเวลาในการพิจาณาค่อนข้างนาน” ปธ.คณะอนุกรรมาธิการ กล่าวต่อ
นอกจากนี้ “เจ๊มล” นางนฤมล ศิริวัฒน์ ยังได้เน้นย้ำอีกครั้งว่า นายวรวีร์ มะกูดี จะต้องดำเนินการเลือกตั้งให้ถูกต้องตามกฎหมายไทย จะอ้างตามธรรมนูญของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟา มิได้ เราอยู่บนแผ่นดินไทย จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และข้อบังคับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
สำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการการกฎหมาย สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ด้านการกีฬา ในครั้งถัดไปจะมีขึ้นในวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2556 เวลา 13.00 น.ที่อาคารรัฐสภา 2