"บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ได้ศึกษารายละเอียดและแนะนำกลับมาว่าการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯวาระใหม่ ควรใช้ 72 เสียง พร้อมเตรียมกำหนัดวันเลือกตั้งในการประชุมวันที่ 15 มิถุนายน ระบุตามธรรมนูญข้อบังคับใหม่ ต้องจัดภายใน 45 วัน หลังครบวาระ หรือถึงวันที่ 30 กรกฎาคมนี้
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (สนามศุภชลาศัย) นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ พร้อมด้วย นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการ และสมาชิกสภากรรมการของสมาคมฯ จัดการประชุมสภากรรมการของสมาคมฟุตบอล โดยมีหัวข้อหลักคือการพิจารณารับรองอนุมัติร่างธรรมนูญข้อบังคับใหม่ตามที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟา) ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
โดย นายวรวีร์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปิดห้องประชุมกว่า 3 ชั่วโมง ว่าทางสภากรรมการได้อนุมัติธรรมนูญใหม่เป็นที่เรียบร้อย "ผลของการประชุมวันนี้ทางสภากรรมการได้พิจารณาอนุมัติร่างธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เป็นไปตามที่ฟีฟาบังคับใช้เป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากมีกฎที่ระบุว่าชาติสมาชิกต้องอนุมัติใช้และปฏิบัติตามข้อบังคับฉบับใหม่อย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนอาจนำมาซึ่งบทลงโทษต่างๆตามที่กำหนด โดยหลังจากนี้จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ในวันที่ 15 มิ.ย.เพื่อให้สโมสรสมาชิกรับรอง และหากการรับรองไม่ผ่านที่เหลือก็ต้องแล้วแต่ทางฟีฟาว่าจะมีมาตรการอย่างไรตามมา"
"และในวันที่ 15 นั้น ภายหลังที่ได้ข้อสรุปเรื่องธรรมนูญใหม่แล้ว เราจะมีการประชุมและกำหนดวันเลือกตั้งนายกสมาคมฯวาระใหม่เช่นกัน ซึ่งตามข้อบังคับเดิมคือต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 30 วันหลังจากครบวาระ แต่ข้อบังคับใหม่กำหนดว่าให้นับ 45 วัน ซึ่งจะเท่ากับว่าไม่เกินวันที่ 30 ก.ค. และผมคิดว่าของใหม่กับของเดิมไม่ได้ต่างกันมากจึงไม่น่าจะส่งผลแต่อย่างใด ที่สำคัญทุกอย่างจะเป็นไปตามระเบียบการเลือกตั้งของฟีฟา โดยทางสมาคมฯได้แต่งตั้งนายเรวัต ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุด เข้ามาเป็นประธานในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้"
พร้อมกันนี้ "บังยี" ยังเผยถึงจำนวนสโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์ลงคะแนนอีกว่าเป็นไปตามที่ฟีฟาแนะนำคือ 72 เสียง "เรื่องจำนวนเสียงลงคะแนนทางฟีฟาไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน แต่เราได้ให้ฟีฟาพิจารณาและศึกษารายละเอียดดูแล้ว และมีความเห็นแนะนำกลับมาว่าควรจะใช้ 72 เสียง เพื่อให้สิทธิ์กับทีมที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุด ส่วนทีมกึ่งสมัครเล่นเช่นในถ้วยพระราชทาน ก็ใช้วิธีหาตัวแทนเอา ในขณะที่ ดิวิชัน 2 ก็จะให้แต่ละภูมิภาคจัดการเลือกตั้งหาตัวแทนโซนละ 5 ทีมเอง"
