อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี และ พินิจ งามพริ้ง 1 ในแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ไม่ได้บังคับว่าการเลือกตั้งประมุขบอลต้องใช้ 72 เสียง ตามที่ วรวีร์ มะกูดี นายใหญ่คนปัจจุบันหวังเปลี่ยนธรรมนูญข้อบังคับใหม่โดยอ้างตามกฎลูกหนังโลก พร้อมจี้การกีฬาแห่งประเทศไทยระบุวันหย่อยบัตร
หลังจากที่ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชิญ มร.เจมส์ จอห์นสัน ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) เข้าหารือกับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดย “บังยี” เผยว่าเตรียมเสนอใช้มติการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประมุขบอล วาระใหม่ที่จะมีขึ้น เหลือเพียง 72 เสียง โดยอ้างว่าเพื่อเป็นไปตามธรรมนูญข้อบังคับใหม่ของฟีฟา
ล่าสุด อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานฉลามชล ออกมาโต้ว่าถือเป็นการลิดรอนสิทธิ์ทีมที่ถูกตัดสิทธิ์ “วรวีร์ จะมาลดสิทธิ์การลงคะแนนของสโมสรสมาชิกเหลือเพียง 72 เสียง โดยอ้างว่าทีมที่ถูกตัดสิทธิ์เหล่านั้นเป็นทีมที่มีส่วนได้เสียน้อยกว่าทีมอื่นๆ ไม่ได้ เพราะทั้งหมดก็มาจากสมาคมฟุตบอลฯเองที่ไม่มีการจัดแข่งขันระบบลีกให้พวกเขา จัดแต่เพียงทัวร์นาเมนต์สั้นๆ ซึ่งทีมเหล่านั้นเสียค่าสมัครสมาชิกและค่าธรรมเนียมรายปีเหมือนกับทีมอื่นๆ และที่สำคัญฟีฟาไม่ได้บังคับว่าทุกประเทศต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นหากภายในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ที่ครบเทอมไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น กกท.ควรจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน”
ด้าน พินิจ งามพริ้ง หัวเรือใหญ่กลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์ แสดงความเห็นในเชิงเดียวกันว่าการแก้ไขข้อบังคับ กับการเลือกตั้งเป็นคนละเรื่องกัน “ในธรรมนูญฟีฟาฉบับใหม่ไม่ได้มีการบังคับให้ทุกประเทศต้องทำตามเช่นเดียวกันหมด ในข้อ 17.1 และ 17.2 ระบุว่าสมาคมสมาชิกสามารถมีอิสระในการบริหารงาน และการการดำรงตำแหน่งต่างๆ จะใช้วิธีแต่งตั้งหรือเลือกตั้งได้นั้นให้สิทธิ์กับข้อบังคับของแต่ละประเทศเอง และไม่จำเป็นต้องเป็น 72 เสียง ส่วนเรื่องการเลือกตั้งผมอยกกระตุ้นให้ผู้ว่าการ กกท.กนกพันธุ์ จุลเกษม มาพิจารณาด้วยตนเอง”