“เสี่ยเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยอมรับว่าศักยภาพทีมยังห่างชั้นกันสโมสรชั้นนำระดับทวีปในศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก แต่ยังไม่ท้อขอเดินหน้าคว้าแชมป์โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ เพื่อคว้าใบเบิกทางไปแก้มือใหม่ซีซันหน้า
ภายหลังจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด บุกไปพ่าย ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ที่สนามจอนจู เวิลด์คัพ สเตเดียม ประเทศเกาหลีใต้ 0-2 ในศึกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้ผ่านมา 5 นัดยังไม่ชนะใคร มีเพียง 1 แต้ม ตกรอบแบ่งกลุ่ม ในกลุ่มเอฟ เป็นที่แน่นอนแล้ว ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา “ทัพกิเลนผยอง” ได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิเป็นที่เรียบร้อย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
“บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวว่า กิเลนผยอง จะขอคว้าแชมป์โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ในปีนี้ให้ได้ เพื่อกลับมาสู่เวทีบอลถ้วยเอเชียอีกครั้ง เพราะนี่คือทัวร์นาเมนต์ที่สำคัญที่จะสามารถทำให้วงการฟุตบอลไทยขยับเข้าใกล้สโมสรชั้นนำของเอเชีย ซึ่งหลังจากที่ผ่านมา 5 นัด เราทำผลงานไม่ดี มีแต้มน้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้ แต่การกลับมาป้องกันแชมป์ไทยลีกแล้วได้มาเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก อีกครั้ง เราจำเป็นที่จะต้องมีการเสริมทีมให้แข็งแกร่งขึ้น ปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการและเพิ่มคุณภาพของทีมให้สามารถสู้กับทีมหัวแถวในระดับเอเชียได้
“การที่เราอยู่ในกลุ่มหิน แล้วเจอกับทีมใหญ่ๆ ของเอเชีย อย่าง กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์, ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส และ อุราวะ เรด ไดมอนด์ส ช่วยให้เราเห็นมาตรฐานของตัวเองเป็นอย่างมาก นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของการได้เรียนรู้ในเวทีบอลถ้วยเอชียใบใหญ่ครั้งแรกของเราในปีนี้ เราต้องยอมรับว่าคุณภาพของทีมแชมป์จากไทยพรีเมียร์ลีกยังมีความห่างกับหัวแถวของเอเชียอยู่ เพราะทีมเหล่านี้เป็นสโมสรที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เป็นทีมหัวตารางของแต่ละลีก ทั้ง ไชนีส ซูเปอร์ลีก, เคลีก, เจลีก เพราะฉะนั้นเราก็ยังมีความแตกต่างให้เห็นอยู่” ผอ.สโมสรเอสซีจี เมืองทองฯ กล่าว