ASTV ผู้จัดการรายวัน – เปิดศักราชปี 2556 คนไทยได้ชื่นมื่นกับผลงานของ “หมู ปากน้ำ” นพพล แสงคำ นักสนุกเกอร์ดาวรุ่งทีมชาติไทย ที่คว้าแชมป์เยาวชนชิงแชมป์เอเชียนจนได้สิทธิ์ไปแข่งชิงแชมป์อาชีพโลกฤดูกาลหน้า เช่นเดียวกับ “แจ็ค สระบุรี” เดชาวัต พุ่มแจ้ง ดีกรีแชมป์สมัครเล่นโลกปี 2010 ที่ได้ไปประชันฝีมือกับพวกระดับแนวหน้าของโลกที่ ครูซิเบิล เธียเตอร์ เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ สังเวียนที่ทุกคนใฝ่ฝันจะได้ไปโชว์ฝีไม้ลายมือสักครั้งในชีวิต โดยรอบแรกพบ สตีเฟน แม็คไกวร์ จากสกอต์แลนด์ระหว่างวันที่ 22 และ 23 เมษายนนี้ ทำให้กระแสวงการสอยคิวบ้านเราที่ซบเซาไปนานเหมือนจะเริ่มกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง
ยุค “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม หรือ เจมส์ วัฒนา ที่เคยสร้างปรากฏการณ์หยุดชาวไทยทุกคนไว้หน้าจอทันทีที่มีการแข่งขันและถ่ายทอดสดกลับมายังประเทศไม่ว่าจะดึกดื่นขนาดไหนก็จะต้องถ่างตาเชียร์ เพราะตอนนั้นถือว่าเป็นนักสนุกเกอร์ที่ร้อนแรงสุดขีดเคยขึ้นถึงมือ 3 ของโลก แต่เมื่อถึงเวลาผลัดใบและเปลี่ยนถ่ายจากรุ่นสู่รุ่นอันเป็นธรรมชาติของวงการกีฬาก็แทบจะหาคนขึ้นมาทดแทนได้ยากจนวงการโต๊ะสักหลาดเริ่มถดถอย ด้วยหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น ขาดการสนับสนุนจากรัฐบาล ทัวร์นาเมนต์ในประเทศไม่มากพอ เงินรางวัลน้อยนิด จนส่งผลถึงความกระหายที่จะมีธงไตรรงค์ติดหน้าอกรับใช้ชาติ เพราะต่างก็อยากจะทำอันดับเพื่อไปเล่นอาชีพและสะสมเงินเพื่อเลี้ยงปากท้องมากกว่า
“ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” มองวงการสนุกเกอร์ไทยช่วงที่ซบเซาว่า “สาเหตุแรกเลยคือเงินรางวัลที่สปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก เช่นการแข่งขันภายในประเทศที่สำคัญ คือแสงโสม 6 แดงได้รางวัลชนะเลิศสนามละ 2 หมื่นบาท หรือต่างประเทศในการแข่งขันสนุกเกอร์สมัครเล่นโลกจะได้เงินเพียงไม่กี่ล้านบาท เนื่องจากการแข่งขันไม่เป็นที่สนใจเท่ากับกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างฟุตบอล, มวย หรือแบดมินตัน ทำให้เยาวชนหลายรายไม่กล้าเสี่ยงและทุ่มให้กับกีฬาชนิดนี้มากนัก”
ทั้งนี้ ไทย ทอร์นาโด ยังกล่าวต่ออีกว่าอุปสรรคที่เยาวชนไม่นิยมหันมาเล่นกีฬาชนิดนี้ หรือได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว เพราะภาพลักษณ์ที่ยังยากจะล้างให้หมดสิ้นก็คือเรื่องของการพนันและอบายมุขต่างๆ จนหลายคนมองว่าเป็นแหล่งมั่วสุม ซึ่งก็จะส่งผลถึงสปอนเซอร์ต่างๆ ที่ไม่กล้าเข้ามาหนุนแบบเต็มตัว เพราะเสี่ยงกับตราสินค้าจนทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ก็ล้มหายตายจากหรือไม่ก็เงินรางวัลน้อยจนน่าตกใจ
“บอกได้ว่าอย่างแรกในกีฬาสนุกเกอร์ที่ทุกคนนึกถึง คือการพนัน มากกว่าที่จะเป็นเกมกีฬา ทำให้ตนคิดว่าเราควรผลักดัน พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 ที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนากีฬาสนุกเกอร์ ซึ่งทางหน่วยงานของรัฐควรตระหนักถึงเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนากีฬาชนิดนี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง” ต๋อง ปัจจุบันวัย 43 ปี เผย
ด้าน “คิวทอง” ศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกสมาคมบิลเลียตแห่งประเทศไทย ยอมรับว่างบประมาณที่ได้จากการกีฬาแห่งประเทศไทยน้อยมาก แต่เชื่อว่าหากนักกีฬาทำผลงานดี จะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน “ผลงานของนักสนุกเกอร์ทีมชาติไทย ต้นปี 2556 นับเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อวงการสอยคิวไทย หาก นพพล แสงคำ ทำผลงานได้ดีในการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพตลอดฤดูกาล 2013-14 โดยจะต้องติดอับ 64 โลกให้ได้เป็นอย่างน้อยเพื่อโอกาสในการเล่นอาชีพโลกต่ออีกสมัย”
มาที่ “เจ๊มล” นางนฤมล ศิริวัฒน์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภา ได้ชี้แนะแนวทางให้กับวงการสนุกเกอร์ในไทยเช่นกันว่า แนวทางแก้ไขขั้นต้นนั้นเราสามารถทำได้ โดยเฉพาะการบรรจุเข้าสถานศึกษาในระดับโรงเรียนกีฬา อย่างที่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้บรรจุกีฬาสนุกเกอร์เข้าแผนของกระทรวงศึกษาธิการ จนสามารถที่จะผลิตนักกีฬาจีนสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมากขึ้น ซึ่งหากเทียบไปแล้วเมื่อ 10 กว่าปี เรามี รัชพล ภู่โอบอ้อม ที่เป็นฮีโร่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ จึงเห็นว่าเราควรจะมีการบรรจุนำร่องในระดับโรงเรียนกีฬา ซึ่งเรื่องนี้เราค่อยๆ ทำจาก 1-2 แห่ง หากสัมฤทธิ์ผลก็จะสามารถขยายต่อเนื่องไป และเรื่องนี้คงจะต้องคุยกับผู้บริหารของสถาบันพลศึกษาอีกครั้ง”