ASTV ผู้จัดการรายวัน – นับตั้งแต่หมดยุค “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม นักสอยคิวที่ประกาศศักดาขึ้นถึงมือ 3 ของโลก วงการสนุกเกอร์ไทยดูซบเซาไปเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งล่าสุด นพพล แสงคำ จุดประกายความหวังด้วยการเบียดชนะ โมฮัมหมัด มาจิด อาลี จอมแม่นชาวปากีสถาน 6-5 เฟรม คว้าแชมป์เยาวชนเอเชีย พร้อมตีตั๋วเข้าแข่งขันรายการระดับอาชีพของโลกเป็นหนที่ 2 ซึ่ง “หมู ปากน้ำ” เอ่ยปากกับทีมข่าว MGR Sport ทำนองครั้งนี้ต้องดีกว่าเดิม
นพพล แสงคำ เปิดซิงสังเวียนผืนสักหลาดโลก ด้วยวัยเพียง 18 ปี จากการคว้าแชมป์เยาวชนชิงแชมป์โลกสำเร็จเมื่อปี 2009 ทว่าฤดูกาล 2010-11 “หมู ปากน้ำ” ทำอันดับดีสุดที่ 91 ของโลก ทว่าก็ถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า จากการได้วัดเหลี่ยมกับ มาร์ค เซลบี มาแล้วในรายการเพลย์เยอร์ ทัวร์ แชมเปียนชิปส์ อีเวนท์ 3 รอบแรก ซึ่งคราวนั้น นักสอยคิวชาวไทยไม่สามารถต่อกรลูกแม่นยำและความสุขุมรอบคอบของมือ 1 โลกชาวอังกฤษได้ จึงปราชัยหมดรูป 0-4 เฟรม
“แม้ผลงานในการเล่นอาชีพครั้งก่อนไม่สู้ดีนัก แต่การที่ผมได้เจอกับ มาร์ค เซลบี ซึ่งถือเป็นไอดอลส่วนตัว เป็นสิ่งที่จุดประกายให้ผมตั้งเป้าต้องกลับไปเล่นอาชีพให้ได้อีกครั้ง ดังนั้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผมเตรียมพร้อมสำหรับลงแข่งชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชียน อันเดอร์ 21 แชมเปียนชิปส์ ที่อินเดีย เป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นรายการควอลิฟายในการนำผมกลับไปเล่นสนุกเกอร์อาชีพโลก ฤดูกาล 2013/14 ซึ่งที่สุดแล้วก็ทำสำเร็จ แต่นี่ยังเป็นแค่เริ่มต้น ผมตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดในแต่ละรายการ และพยายามจบภายในอันดับ 64 ของโลกให้จงได้” หมู ปากน้ำ กล่าวไว้
โดยรายการชิงแชมป์เอเชียที่แดนภารตะที่ผ่านมา นพพล ซึ่งปัจจุบันอายุ 21 ปี เส้นทางถือว่าเข้าทางเมื่อไม่ต้องพานพบกับนักสอยคิวจากจีน แต่ก็ฝ่าด่านดาวรุ่งมือดีของเอเชียมากมาย ทั้งรอบ 16 คนสุดท้ายที่ต้อน แบร์ด โอเบียด คาลิฟา อัลเมไฮรี จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4-0 เฟรม ต่อด้วยปราบ บุญฤทธิ์ เกียรติกุล เพื่อนร่วมชาติ 5-2 เฟรม มาถึงรอบตัดเชือก เอาชนะ “เช็ค นครนายก” รัชโยธิน โยธารักษ์ 5-0 เฟรม ปิดด้วยรอบชิงบด โมฮัมหมัด มาจิด อาลี ฉิวเฉียด 6-5 เฟรม
ด้าน “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” ซึ่งเห็นพัฒนาการของ “หมู ปากน้ำ” คลื่นลูกใหม่วงการสอยคิวไทยมาตลอด กล่าวชมรุ่นน้องว่า “เด็กคนนี้เป็นดาวรุ่งฝีมือดีคนหนึ่ง มีสไตล์การเล่นที่สุขุมเกินอายุ ที่สำคัญเคยไปแข่งสนุกเกอร์อาชีพโลกมาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน จึงได้สั่งสมประสบกาณ์กลับมาไม่น้อยตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นผมจึงเชื่อว่า หมู ปากน้ำ จะต่อยอดโลดแล่นในวงการสอยคิวโลกได้อย่างไม่ยาก อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับสมัยที่ผมยังเล่นอยู่นั้น เด็กสมัยนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะต้องควักกระเป๋าจ่ายเองไม่น้อย แม้สมาคมฯ พยายามช่วยดันแต่ก็มีข้อจำกัด จึงอยากวอนไปยัง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หรือแม้แต่บรรดาสปอนเซอร์ให้เข้ามาสนับสนุน เพื่อปลุกให้สนุกเกอร์ไทยที่ซบเซาไปนานกลับมาติดลมบนอีกครั้ง”
ขณะที่ “คิวทอง” ศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกสมาคมบิลเลียดแห่งประเทศไทย เผยถึงอนาคตทีมชาติไทยด้วยว่า “นพพล แสงคำ เป็นนักกีฬาที่น่าจับตามองตั้งแต่เริ่มต้น มีความสุขุมในการวางแผนการเล่นในแต่ละชอต อย่างไรก็ดี ในการแข่งขันระดับอาชีพ ผมไม่สามารถการันตีได้ว่าเด็กคนนี้จะโลดแล่นไปไกลแค่ไหน คงต้องขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมและความเอาใจใส่ของเด็กเอง ปัจจุบัน หมู ปากน้ำ ฝึกซ้อมร่วมกับ ธนวัฒน์ ถิรพงศ์ไพบูลย์ โดยทั้งคู่ก็ช่วยพัฒนาฝีมือซึ่งกันและกัน”
ทั้งนี้ “คิวทอง” พูดถึงเส้นทางของนักสนุกเกอร์ไทยในการไปสู่เวทีโลก เป็นการทิ้งท้ายว่า “อย่างกรณีของ หมู ไปแข่งอาชีพหนที่ 2 เขาต้องทำผลงานสะสมคะแนนให้ติดอันดับ 1-64 เพื่อได้สิทธิ์แข่งอัตโนมัติในฤดูกาลต่อไป มิเช่นนั้นก็ต้องไปแข่งรายการควอลิฟายอย่างเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย หรือ เยาวชนชิงแชมป์โลก เพื่อให้ได้โควตา ซึ่งช่วงหลังสมาคมฯ สามารถผลักดันดาวรุ่งมาแข่งรายการแบบนี้ได้ แต่จะต่อยอดไปได้ไกลเหมือนสมัย ต๋อง ศิษย์ฉ่อย หรือไม่นั้น ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันสนับสนุนเต็มที่ ผมก็เชื่อว่าเราพอจะมองเห็นแสงสว่างตรงปลายถ้ำได้เช่นกัน”