ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา จัดงานฉลองครบรอบ 47 ปีแห่งการก่อตั้ง โดยมีผู้ใหญ่ในวงการกีฬาร่วมแสดงความยินดี ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา จัดงานสถาปนาศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาครบรอบ 47 ปี โดยมี นายจรัล จึงยิ่งเรืองรุ่ง ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภา เป็นประธานในงานพร้อมด้วย พลตรีจารึก อารีราชการัณย์, ดร.นนชัย ศานติบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา และมีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่สมาคมกีฬา ร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ห้องเสริมสร้างสมรรถภาพ ชั้น 1 อาคารศูนย์วิทยาศาตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย
โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (1 เม.ย.) ได้จัดพิธีทำบุญ และนิมนต์พระสงฆ์ เนื่องในโอกาสศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาครบรอบ 47 ปี ต่อด้วยปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ตามรอบ ศาสตราจารย์นายแพทย์ อวย เกตุสิงห์ บิดาวิทยาศาสตร์การกีฬาของไทย” ซึ่งมีพลตรี จารึก อารีราชการัณย์, นายสมหมาย ประเสริฐศิริพันธ์ และรองศาสตราจารย์นายแพทย์ วิชัย วนดุรงค์วรรณ ร่วมบรรยาย และตบท้ายการอภิปรายในช่วงบ่ายในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์การกีฬาช่วยนักกีฬาไทยประสบความสำเร็จในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้จริงหรือ” โดยมีนายมนตรี ไชยพันธุ์, พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย และรองศาสตราจารย์ เจริญ กระบวนรัตน์ ร่วมอภิปราย
ซึ่ง ดร.นนชัย กล่าวถึงวิทยาศาสตร์การกีฬาว่า “หลายคนยังไม่รู้ความหมายของวิทยาศาสตร์กีฬา คือการพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ โดยแบ่งออกเป็น 7 สาขาสำคัญคือ ด้านจิตวิทยา, ด้านโภชนาการ, ด้านชีวกลศาสตร์, ด้านสรีรวิทยา, ด้านเทคโนโลยีการกีฬา, ด้านกีฬาเวชศาสตร์ และการควบคุมการใช้ยาและสารต้องห้าม”
นอกจากนี้ยังจัดนิทรรศการให้ความรู้ด้านวิทยาศาตร์การกีฬา และกายภาพบำบัด ซึ่งนำเสนอความหมายของกายภาพบำบัดคือการประเมินรวมทั้งการวินิจฉัย, รักษา, ฟื้นฟูสมรรถภาพ และการป้องกันร่างกายไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บในเบื้องต้น รวมทั้งการนำเครื่องมือที่ทันสมัยในการตรวจอาการบาดเจ็บด้วยวิธีการอัลตร้าซาวน์เพื่อหาสาเหตุการบาดเจ็บในร่างกาย, การแช่น้ำบำบัด แบบไฮโดร เธอราปี เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บช่วงแรก รวมทั้งเครื่องวัดการเต้นหัวใจของนักกีฬาเพื่อมิให้เกิดอาการช็อคคาสนาม อันเนื่องจากการสูบฉีดของหัวใจที่ผิดปกติ
สำหรับศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาก่อตั้งขึ้นโดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ อวย เกตุสิงห์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2509 ก่อนการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 5 ในเดือนธันวาคม2509 โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซึ่งในขณะนั้นมีสถานะเป็นกองหนึ่งในองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (เปลี่ยนเป็นการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2528)
