อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสร ชลบุรี เอฟซี ชี้การเลือกตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่โปร่งใส รวมทั้งการบริการจัดการให้เป็นมืออาชีพ เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้นด้าน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ขอนั่งเก้าอี้ประมุขลูกหนังต่ออีก 4 ปี พร้อมพาทีมชาติไทยไปบอลโลก 2018 ให้ได้ ในงานเสวนาบอลไทย เมื่อช่วงบ่ายวันนี้
เมื่อเวลา 13.00น.วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ สถานีวิทยุฯ F.M.99 MHz Active Radio คลื่นเมืองไทยแข็งแรง จัดโครงการพิเศษเสวนา "จุดเปลี่ยนฟุตบอลไทย" โดยมี คุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, คุณถิรชัย วุฒิธรรม ประธานพัฒนาเทคนิคฟุตซอลแห่งชาติ, คุณอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี, คุณสะสม พบประเสริฐ โค้ชสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด, ท.พ.พิชัย ปิตุวงศ์ บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์กีฬารายวัน ฮอตสกอร์ และคุณยิ่งรักษ์ รักษ์สุวรรณ ผู้สื่อข่าว กีฬาหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก พร้อมด้วยผู้สนใจอย่างคับคั่ง ที่ห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 6 ตึกปฏิบัติการ บมจ.อสมท.
โดย คุณอรรณพ สิงห์โตทอง กล่าวแนะนำให้ปรับการเลือกตั้งนายกสมาคมลูกหนังด้วยว่า "ตนอยากให้มีการปรับกฎเกณฑ์การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอย่างจริงจังเสียที เพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ถือว่าไม่มีความโปร่งใสมาก เพราะเท่าที่ทราบมีสโมสรสมาชิกเพียง 5 รายที่ไม่มีสิทธิ์ลงเสียงได้แก่ เอสซีจี สมุทราสงคราม, ชัยนาท เอฟซี, วัวชน ยูไนเต็ด, เชียงราย ยูไนเต็ด และอีสาน ยูไนเต็ด ขณะที่บางสโมสรสมาชิกจากรายการสมัครเล่นอย่างประเภท ข, ค, และ ง. ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งมีส่วนร่วมในการแข่งขันไม่กี่ครั้ง กลับมีสิทธิ์ลงเสียงได้ จึงอยากให้สมาคมฯ มีความชัดเจนให้ผู้ที่มีสิทธิ์ควรจะมีการแข่งขันเป็นจำนวนทั้งหมดกี่นัด"
อีกทั้ง "เดอะเซนต์" ได้เสนอแนะเป็นการทิ้งท้ายต่อประมุขลูกหนังอีกด้วยว่า "อยากให้จัดตั้งสมาคมผู้ฝึกสอนฟุตบอลไทย และสมาคมนักฟุตบอลไทย ขึ้นมาดูแลและช่วยเหลือบุคลากรดังกล่าว รวมทั้งเป็นหูเป็นตาให้กับผู้ที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอีกด้วย"
ต่อมา "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ ได้เสนอแนะในด้านโค้ชทีมชาติไทยอีกด้วยว่า "อยากให้สมาคมฯ มีการเซ็นสัญญากับโค้ชชาวไทย เข้าสู่ทีมชาติ ในฐานะโค้ชทีมชาติไทย เหมือนที่เคยจ้างโค้ชชาวต่างชาติบ้าง รวมถึงการจัดอบรมโค้ชระดับเอ-ไลเซนส์ในเมืองไทย เพื่อมาถ่ายทอดให้นักฟุตบอลไทยมีการพัฒนาสู่ความเป็นมืออาชีพอย่างจริงจัง ทั้งโค้ชและนักฟุตบอลพร้อมๆกัน"
มาที่ นายยิ่งรักษ์ รักษ์สุวรรณ ตัวแทนสื่อมวลชนกีฬา ได้เสนอแนะต่อวงการลูกหนังไทยอีกด้วยว่า "ตนคิดว่าควรจะรื้อระบบโครงสร้างสมาคมฯ โดยมีบุคลากรมืออาชีพ เข้ามาจัดการทั้งในเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้บุคคลภายนอกทราบความเคลื่อนไหววงการฟุตบอลไทยอย่างจริงจัง รวมทั้งเป็นผู้อธิบายให้บุคคลภายนอกเข้าใจและสามารถทราบคำตอบให้ชัดเจนขึ้น และอยากให้สมาคมฯ มีการจัดเก็บข้อมูลนักฟุตบอล สโมสร ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย"
ด้าน นายวรวีร์ มะกูดี ก็ได้แจกแจงคำตอบ และข้อแนะนำต่างๆจากผู้เสวนาในงานด้วยเช่นกันว่า "ตนยินดีรับข้อเสนอแนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเซ็นสัญญาโค้ชชาวไทย ซึ่งตนเคยเซ็นสัญญากับโค้ชชาวไทยจริงๆ ได้แก่ อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ มาแล้ว เพื่อมาช่วยงานทีมชาติไทยเป็นงานประจำ ส่วนในเรื่องอื่นๆ ตนขอยืนยันว่าตนทำงานอย่างโปร่งใส มาโดยตลอด เพราะหากผิดจริง ก็ขอให้ผู้พูดดังกล่าวมาชี้แจงรายละเอียดด้วยว่าเรื่องอะไรบ้าง"
"ทั้งนี้ความตั้งใจของผมคือการทำงานในตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแค่ 8 ปีเท่านั้น ที่ผ่านมาดำรงตำแหน่งไปแล้ว 2 สมัย 4 ปี แต่ในฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งหวังว่าเราจะได้ลุ้นในฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งตลอดการทำงานที่ผ่านมาอย่าบอกว่าฟุตบอลไทยไม่ไปไหน ในการทำงานของผมสามารถสร้างงานสร้างฟุตบอลอาชีพมากมาย รวมถึงทีมชาติไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่คงไม่มีใครทำบอลชนะได้ตลอด หากใครมาบอกว่าทำซีเกมส์แล้วชนะทุกครั้งให้มาบอกเลยผมจะลุกจากตำแหน่งทันที” บังยี กล่าว