xs
xsm
sm
md
lg

“พินิจ” แถลงชิงเก้าอี้ “บังยี” 10 ปียกระดับบอลไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประกาศท้าชิงนายกสมาคมฟุตบอลฯอย่างเป็นทางการ
พินิจ งามพริ้ง ประธานชมรมเชียร์ไทยพาวเวอร์ แถลงข่าวประกาศท้าชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อย่างเป็นทางการ มั่นใจมีฐานเสียงหนุนหลังเต็มที่ ปัด เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หนุนหลัง ขออยู่ในตำแหน่งแค่ 4 ปี แผนงานเป็นระบบและโปร่งใส 10 ปี 1 ใน 5 เอเชีย

ตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ของ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี เตรียมครบกำหนดวาระภายในสิ้นปี 2555 นี้ และจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเดือนมีนาคม 2556 ล่าสุด นายพินิจ งามพริ้ง ประธานชมรมเชียร์ไทยพาวเวอร์ ที่เคยสร้างความฮือฮาให้กับวงการฟุตบอลไทยด้วยการประท้วงขับไล่นายกสมาคมฟุตบอลฯสมัย นายวิจิตร เกตุแก้ว จนทำให้ต้องลาออกในเวลาต่อมา ได้ประกาศตัวเป็นผู้ท้าชิงเสนอตัวเป็นประมุขบอลคนใหม่ โดยจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ณ ห้องจามจุรี 2 ชั้น M โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัวแผนฟื้นฟูฟุตบอลแห่งชาติ 10 ปี “The 10 Years Plan”

นายพินิจ ได้กล่าวถึงการเสนอตัวในครั้งนี้ ว่า ต้องการที่จะให้ฟุตบอลไทยมีการเปลี่ยนแปลง “ผมไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ เป็นแค่คนรักและเชียร์บอลคนหนึ่ง จนมาคิดว่าได้มีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ผมมองว่าในแง่การบริหารมีส่วนสำคัญต่อผลแพ้ชนะในสนาม ตอนนี้นายกสมาคมฯใหญ่กว่าตัวสมาคมฯ และเสียงสะท้อนที่ประชาชนต้องการส่งไปไม่ถึง ซึ่งในความเป็นจริงตัวสมาคมฯต้องใหญ่ที่สุด และต้องรับฟังและมีช่องทางการสื่อสารกับแฟนบอล ผมจึงเสนอตัวและแผนงานขึ้นมา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเปรียบเสมือนตัวตั้ง ถ้ามีใครสนับสนุนก็พร้อมจะยินดี โดยเฉพาะในเรื่องแผนงาน ถ้ามีใครที่ดีกว่าได้เข้าไปทำหน้าที่แทนและจะนำแผนงานนี้ไปใช้ผมก็ยินดี”

ด้านแผนการที่ นายพินิจ เผยว่า เคยเสนอแนวคิดคร่าวๆ ต่อ นายวรวีร์ มาแล้ว แต่ไม่ได้คำตอบใดๆ กลับมาประกอบด้วยกลยุทธ์ 4 ด้าน ที่เน้นความโปร่งใสและครอบคลุมระยะเวลา 10 ปี คือ 1.ด้านบริหารและความโปร่งใส 2.ด้านพัฒนาเทคนิคและวางรากฐาน 3.ด้านคุณภาพเป้าหมายบการแข่งขัน และ 4.ด้านการตลาดและศรัทธามหาชน โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงฟื้นฟูศรัทธา (พ.ศ.2556-2557) ช่วงสรางความร่วมมือ (พ.ศ.2558-2560) และช่วงกระตุ้นและรักษาความต่อเนื่องในการพัฒนา (พ.ศ.2561-2565) “หัวใจหลักของการบริหารเพื่อส่วนรวมคือความโปร่งใส หากได้เป็นนายกสมาคมฯ ผมจะเปิดเผยรายรับรายจ่ายของสมาคมฯต่อสาธารณะ โดยทุกคนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ และจากนี้เราจะทำงานกันเป็นขั้นตอน ต้องมีแผนเตรียมไว้ล่วงหน้าเช่นการอุ่นเครื่องฟุตบอลทีมชาติ ที่ต้องกำหนดไว้ก่อน 1-2 ปี ว่า จะพบกับทีมใดบ้าง รวมถึงสนามเหย้าแห่งใหม่สำหรับทีมชาติไทย ความจุ 4-6 หมื่นคน โดยร่วมมือกับบริษัทพัฒนาที่ดิน ซึ่งใช้งบขั้นต่ำขั้นต่ำประมาณ 200 ล้านบาท และจะต้องมีการเปิดประมูลอย่างโปร่งใส”

“อีกทั้งการพัฒนาด้านเทคนิค ที่นำผู้เชี่ยวชาญในประเทศและต่างประเทศมาช่วยกันวางรากฐานระบบการเล่นให้กับทีมชาติ มีการพัฒนาระดับเยาวชน โดยเป้าหมายสูงสุดที่เราวางไว้ คือ ต้องสามารถสู้กับทีมในระดับเกรดเอของเอเชีย ได้อย่างสนุก เสมอ หรือชนะได้ จนขึ้นเป็น 1 ใน 5 ทีมชั้นนำในทวีป และเมื่อครบระยะเวลาแผนงานจะมีเครือข่ายแฟนบอลให้การสนับสนุนไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน และสามารถระดมเงินสนับสนุนเพื่อใช้ในการพัฒนาต่างๆ ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ต่อปี โดยหลังจากนี้เราจะเร่งเผยแพร่และอธิบายแนวความคิดต่างๆ และยินดีเดินทางไปอภิปรายให้กับบรรดาสโมสรสมาชิกได้รับรู้” ผู้ท้าชิงนายกบอลไทยคนใหม่ กล่าว

ประธานเชียร์ไทยฯ เผยต่อว่า ยังเคารพตำแหน่งบอร์ด ฟีฟา ของนายวรวีร์ และไม่ปิดโอกาสชุดเก่าในการทำงาน หากตนได้ตำแหน่ง “ผมคิดไว้แล้วว่าถ้าได้เข้าไปทีมงานจะเป็นใครบ้าง แต่ไม่ใช่เป็นการนำแค่พรรคพวกเราเข้าไป ต้องนำผู้มีประสบาการณ์มาร่วม ไม่แบ่งพวก ซึ่งถ้าทีมงานในชุดเก่าที่มีผลงานดีก็ควรจะได้ทำงานต่อ ส่วนผมจะทำงานแบบเต็มเวลา บริหารภาพรวม กับทางนายวรีวร์ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวแต่อย่างใด ยังต้องให้ความเคารพในการเป็นบอร์ดสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) อยู่ และถ้าผมเข้าไปก็ยังมั่นใจว่าจะทำงานได้ไม่แพ้กัน”

ส่วนเรื่องสำคัญอย่างฐานเสียงที่หลายฝ่ายคาดว่ามีนักการเมืองหนุนหลังอยู่นั้น พินิจ เผยว่า ยังไม่ขอเปิดเผยแต่อย่างใด “ตอนนี้ผมยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ แต่ยืนยันว่า มีสโมสรสมาชิกให้การสนับสนุนอยู่มาก ทั้งคนที่เป็นเพื่อนกัน หรือคนที่มีอุดมการณ์แบบเดียวกัน ส่วนที่ว่ามีนักการเมืองด้วยไหม ผมตอบได้ว่าตอนนี้ยังไม่มีใครส่งสัญญาณมา รวมถึงกับนายเนวิน ชิดชอบ (ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ด้วย ถึงแม้จะเคยร่วมงานกันมาก่อน”

“ผมมั่นใจว่า จะมีผู้เสนอชื่อเข้าสู่ที่ประชุมสภากรรมการฯช่วงต้นปีหน้าแน่นอน และจะไม่มีการโดนหักหลังเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ผมจะขออยู่ในตำแหน่งแค่ 4 ปี เท่านั้นไม่ว่าจะมีผลงานที่ดีอย่างไรก็ตาม ผมเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลง อาจจะมีใครหาว่าผมสู้ไม่ได้หรือได้แค่ฝัน แต่ถ้าไม่ฝัน ไม่ทำ ก็ไม่เกิด และผมมั่นใจว่าจะทำได้ดีกว่าคนปัจจุบัน” พินิจ งามพริ้ง กล่าว
พินิจ งามพริ้ง ประธานชมรมเชียร์ไทย
แผนงาน 10 ปี โปร่งใสตรวจสอบได้
มั่นใจในฐานเสียงสนับสนุน
กำลังโหลดความคิดเห็น