สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามเซ็นสัญญาการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ฟุตบอลอาชีพ ปี 2013-2017 ตั้งเป้าอีก 5 ปี มีรายรับ 600 ล้านบาท ซึ่งสโมสรจะได้รับงบสนับสนุนทีมละ 20 ล้านบาท ต่อฤดูกาล
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน (พระราม 9) สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงข่าวพิธีลงนามในสัญญามอบหมายการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ฟุตบอลอาชีพ ปี 2013-2017 ให้กับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งอย่างเป็นทางการ หลังสื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของประเทศไทยตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นผู้ดูแลสิทธิ์ประโยชน์เมื่อช่วงกลางปี 2012 โดยมี นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอล พร้อมด้วย ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานทีพีแอล, นายวิมล กาญจนะ ประธานการจัดการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอสลีก ภูมิภาค ดิวิชัน 2 และ นายอดิศัย วารินทร์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสปอร์ต ร่วมงาน
โดย นายวรวีร์ ได้กล่าวถึงการดึง สยามสปอร์ต กลับมาในครั้งนี้ว่า “สยามสปอร์ต และสมาคมฟุตบอล ถือเป็นคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่ร่วมกันมานานตั้งแต่ฟุตบอลไทยยังมีคนสนใจไม่มาก ผู้เชี่ยวชาญที่จะมาช่วยเหลือเราก็ไม่ได้หาง่ายๆ ถึงตอนนี้ฟุตบอลลีกของไทยพัฒนาขึ้นจนเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียน และอันดับต้นๆ ของเอเชียแล้ว แม้ปีที่ผ่านมาจะประสบปัญหาเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร แต่ สยามสปอร์ต พิสูจน์แล้วว่าทำให้ฟุตบอลไทยเติบโตขึ้นมา ผมจึงได้ไปขอให้ คุณระวิ โหลทอง ว่า อย่าทิ้งให้บอลไทยที่กำลังก้าวหน้าต้องถดถอยลงไป”
ด้าน นายอดิศัย มั่นใจว่า ภายใน 5 ปี จะมีรายได้ให้สโมสรปีละ 20 ล้านบาท “เราจะมีการเปิดประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกปี 2014-2016 ในช่วง มี.ค.นี้ และจะพยายามเพิ่มมูลค่าให้ได้ 600 ล้านบาท โดยส่วนแบ่ง 60% คือ 360 ล้านบาท จะแบ่งให้กับสโมสร ซึ่งจะหมายความว่า ทีมในไทยพรีเมียร์ลีกจะมีเงินสนับสนุนไม่ต่ำกว่าปีละ 20 ล้านบาท ในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนอีก 40% นั้น จะเป็นรายได้จากการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ แบ่งเป็นค่าดำเนินการถ่ายทอดสด, ค่าผู้ตัดสิน, สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด, ค่าดำเนินผลิตป้ายโฆษณาการประชาสัมพันธ์ต่างๆเป็นต้น" นายอดิศัย กล่าว
ซึ่งการเข้ามาบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ของฟุตบอลอาชีพ ทางสยามสปอร์ต จะดูแลทั้งลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ และการจัดหาผู้สนับสนุนการแข่งขันของไทยพรีเมียร์ลีก, ดิวิชัน 1, ดิวิชัน 2 และการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศที่อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยรายได้จากการบริหารจัดการ จะถูกจัดสรร แบ่งออกเป็น เงินสนับสนุนของสโมสรสมาชิก ประจำปี 2013 นี้ ทีมในศึกไทยพรีเมียร์ลีก จะได้รับเพิ่มเป็นทีมละ 6 ล้านบาท (เดิม 5 ล้านบาท) โดยจะแบ่งจ่าย 3 ครั้งๆ ละ 2 ล้านบาท ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล, หลังจบเลกแรก และ หลังจบฤดูกาล ขณะที่ทีมในศึก ยามาฮ่า ลีก วัน (ดิวิชัน 1) จะได้รับทีมละ 6 แสนบาท
และนอกเหนือจากนั้น จะถูกนำไปเป็น ค่าดำเนินการจัดการถ่ายทอดสด, บันทึกเทป ทางช่องฟรีทีวี และ เคเบิลทีวี, ค่ากรรมการผู้ตัดสิน ผู้ควบคุมการแข่งขัน, การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการของ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด, ค่าผลิดตแผ่นป้ายโฆษณาในสนามแข่งต่างๆ, ค่าดำเนินการด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ตลอดทั้งฤดูกาลในทุกลีก
