คอลัมน์ “The Golf Touch” โดย “วันปีย์ สัจจมาร์ค”
อาการผิดหวังหรืออาการอกหักเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน จะต่างกันแค่ผลกระทบที่ตามมา บางคนอาจจะรู้สึกเฉยๆ ขณะที่บางคนถึงกับร้อนรนจนทนไม่ได้ก็มี อาการอกหักกับเกมกอล์ฟเกิดขึ้นได้เช่นกันโดยเฉพาะหากเราได้ทำการซ้อมมาอย่างหนักหน่วง ยกตัวอย่างเช่นตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าสุดสัปดาห์นี้เราจะต้องตีไม่เกิน 80 แน่ๆ เพราะซ้อมมาจนมั่นใจ แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างทำให้เราทำไม่สำเร็จตามเป้าหมาย อาการผิดหวังน่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่บางทีอารมณ์เซ็งจัดจนอาจจะถึงกับหยุดเล่นกอล์ฟไปพักใหญ่เพราะมีอาการท้อแท้เกิดขึ้นก็เป็นได้
แน่นอนว่าผู้ร้ายตัวจริงในกรณีอาการหนักอย่างที่ว่าก็คือ "ความคาดหวัง" เพราะหากเราไม่ได้คาดความหวังเอาไว้ เมื่อทุกๆ อย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดและหวังเอาไว้ เราน่าจะรับสถานการณ์ได้ดีกว่านี้ คนวางแผนคือเรา คนทำผิดแผนก็เรา และคนที่เสียใจมากที่สุดก็คือตัวเราเอง ข้อผิดพลาดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่เรากำลังเล่นกอล์ฟ เช่นการวางแผนผิดพลาด หรือสวิงที่ไม่เป็นไปเหมือนที่ซ้อมมา ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เราก็ต้องผ่านไปให้ได้ พลาดหวังวันนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องพลาดอีกเรื่อยๆ ตลอดไป เอาบทเรียนที่ได้มาปรับปรุงพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ดีกว่า
ดังนั้นเราควรสร้างภูมิต้านทานให้ตัวเอง ไม่ใช่ให้เลิกหวังแต่ไม่ควรวัดความสำเร็จโดยใช้เพียงแค่ดัชนีข้อเดียวเช่น "ต้องตีได้ต่ำกว่า 80" ทั้งนี้ควรจะมีเป้าหมายวัดระดับความสำเร็จที่ลดหลั่นกันหลายขั้นเพื่อไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามเราก็ยังวัด "ความสำเร็จ" ได้อยู่วันยังค่ำ เราจะไม่มีวันพลาดขนาดให้อภัยตัวเองไม่ได้ ดัชนีต่างๆ สามารถถูกออกแบบให้หลากหลาย ยากง่าย และเหมาะสมแตกต่างกันได้ตามระดับสติปัญญาและความต้องการของแต่ละคน เช่น วันนี้จะไม่โมโหในสนามกอล์ฟ รอบนี้จะพัตต์ไม่เกิน 30 พัตต์ หรือทุกช็อตของวันนี้ฉันจะทำ "พรีช็อตรูทีน" ให้ครบและเหมือนเดิมทุกครั้ง
ถ้าเราเรียกสิ่งนี้ว่าเป้าหมายหรือความหวัง เรามักจะผูกอารมณ์ตัวเองเอาไว้กับการทำได้หรือไม่ได้ค่อนข้างมาก แต่ถ้าคิดเพียงแค่เปรียบเทียบผลงานกับดัชนีวัดแต่ละตัว เราจะสามารถประเมินและเรียนรู้ผลงานโดยไม่ลงโทษตัวเองมากจนเกินไปได้ง่ายขึ้น ผมคิดว่าทุกๆ สิ่งมีมากกว่ามิติเดียวเสมอ ในความทุกข์ก็อาจจะมีเสี้ยวแห่งความสุขซ่อนอยู่ หามันให้เจอพยายามมองด้านบวกเอาไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองทำวันหน้าให้ดีขึ้นกันนะครับ
อาการผิดหวังหรืออาการอกหักเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน จะต่างกันแค่ผลกระทบที่ตามมา บางคนอาจจะรู้สึกเฉยๆ ขณะที่บางคนถึงกับร้อนรนจนทนไม่ได้ก็มี อาการอกหักกับเกมกอล์ฟเกิดขึ้นได้เช่นกันโดยเฉพาะหากเราได้ทำการซ้อมมาอย่างหนักหน่วง ยกตัวอย่างเช่นตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าสุดสัปดาห์นี้เราจะต้องตีไม่เกิน 80 แน่ๆ เพราะซ้อมมาจนมั่นใจ แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างทำให้เราทำไม่สำเร็จตามเป้าหมาย อาการผิดหวังน่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่บางทีอารมณ์เซ็งจัดจนอาจจะถึงกับหยุดเล่นกอล์ฟไปพักใหญ่เพราะมีอาการท้อแท้เกิดขึ้นก็เป็นได้
แน่นอนว่าผู้ร้ายตัวจริงในกรณีอาการหนักอย่างที่ว่าก็คือ "ความคาดหวัง" เพราะหากเราไม่ได้คาดความหวังเอาไว้ เมื่อทุกๆ อย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดและหวังเอาไว้ เราน่าจะรับสถานการณ์ได้ดีกว่านี้ คนวางแผนคือเรา คนทำผิดแผนก็เรา และคนที่เสียใจมากที่สุดก็คือตัวเราเอง ข้อผิดพลาดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่เรากำลังเล่นกอล์ฟ เช่นการวางแผนผิดพลาด หรือสวิงที่ไม่เป็นไปเหมือนที่ซ้อมมา ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เราก็ต้องผ่านไปให้ได้ พลาดหวังวันนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องพลาดอีกเรื่อยๆ ตลอดไป เอาบทเรียนที่ได้มาปรับปรุงพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ดีกว่า
ดังนั้นเราควรสร้างภูมิต้านทานให้ตัวเอง ไม่ใช่ให้เลิกหวังแต่ไม่ควรวัดความสำเร็จโดยใช้เพียงแค่ดัชนีข้อเดียวเช่น "ต้องตีได้ต่ำกว่า 80" ทั้งนี้ควรจะมีเป้าหมายวัดระดับความสำเร็จที่ลดหลั่นกันหลายขั้นเพื่อไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามเราก็ยังวัด "ความสำเร็จ" ได้อยู่วันยังค่ำ เราจะไม่มีวันพลาดขนาดให้อภัยตัวเองไม่ได้ ดัชนีต่างๆ สามารถถูกออกแบบให้หลากหลาย ยากง่าย และเหมาะสมแตกต่างกันได้ตามระดับสติปัญญาและความต้องการของแต่ละคน เช่น วันนี้จะไม่โมโหในสนามกอล์ฟ รอบนี้จะพัตต์ไม่เกิน 30 พัตต์ หรือทุกช็อตของวันนี้ฉันจะทำ "พรีช็อตรูทีน" ให้ครบและเหมือนเดิมทุกครั้ง
ถ้าเราเรียกสิ่งนี้ว่าเป้าหมายหรือความหวัง เรามักจะผูกอารมณ์ตัวเองเอาไว้กับการทำได้หรือไม่ได้ค่อนข้างมาก แต่ถ้าคิดเพียงแค่เปรียบเทียบผลงานกับดัชนีวัดแต่ละตัว เราจะสามารถประเมินและเรียนรู้ผลงานโดยไม่ลงโทษตัวเองมากจนเกินไปได้ง่ายขึ้น ผมคิดว่าทุกๆ สิ่งมีมากกว่ามิติเดียวเสมอ ในความทุกข์ก็อาจจะมีเสี้ยวแห่งความสุขซ่อนอยู่ หามันให้เจอพยายามมองด้านบวกเอาไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองทำวันหน้าให้ดีขึ้นกันนะครับ