สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ตั้งฉายาบุคคลในวงการกีฬา ประจำปี 2555 จำนวน 12 ราย ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่สมาคมฯ ได้ทำขึ้นทุกปี โดยไม่มีเจตนาจะให้ร้ายหรือทำให้บุคคลใดเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เป็นการหยิกแกมหยอกเพื่อเป็นสีสันในช่วงเทศกาลปีใหม่ สำหรับฉายาทั้ง 12 ชื่อ ซึ่งเรียงตามลำดับความอาวุโส มีดังต่อไปนี้
“บิ๊กเติ้ง” นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับฉายา “น้องไม่ต้อง พี่ทำเอง” เนื่องจาก นายบรรหาร เข้ามาควบคุมดูแลงานกีฬาเกือบทุกอย่างภายในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เรียกว่าจะทำแทนน้องชาย คือ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เลยก็ว่าได้ แม้แต่การนั่งประชุมประธานบอร์ดต่างๆ ของกีฬา “บิ๊กเติ้ง” ก็เข้ามาทำแทนน้องชาย
“บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้รับฉายา “คุณปู่สู้ไม่ถอย” ปีที่ผ่านมามีปัญหาสุขภาพมาก เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น แต่ก็ยังใจสู้ และรักษาสุขภาพจนแข็งแรง อยู่เป็นเสาหลักของวงการกีฬาต่อไป
“เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นายกสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย ได้รับฉายา (ไอ้) บ้า..คาใจ “อ้าย” สืบเนื่องจาก “เสธ.อ้าย” ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนายกสมาคมด้วยการสนับสนุนจาก สหพันธ์มวยนานาชาติ (ไอบ้า) แต่พอการแข่งขันกีฬาโอลิปิกเกมส์ 2012 ที่ลอนดอน ทีมนักชกไทยไม่ได้เหรียญทองกลับมาเลย มีเพียงเหรียญเงินจาก แก้ว พงษ์ประยูร “เสธอ้าย” ไม่พอใจ “ไอบ้า” อย่างมาก เพราะคาใจว่าถูก “ไอ้บ้า” ปล้นเหรียญทอง ถึงประการตัดขาดกันและไม่รับจัดมวยเยาวชนโลก สุดท้าย “เสธ.อ้าย” ก็ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมมวย
“บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้รับฉายา อะไร ๆ ก็ “ยี” ด้วยความที่ทุกเรื่องทุกราวที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอล ตั้งแต่ไม่จิ้มฟันยันเรือรบ ปัญหาทีมชาติทุกชุด ปัญหาฟุตบอลลีกอาชีพต่างๆ ปัญหาผู้ตัดสิน ปัญหายิบย่อยต่าง ๆ จะพุ่งตรงไปหา “บังยี” ทุกเรื่อง ทั้งที่ทุกปัญหาก็มีผู้รับผิดชอบดำเนินการอยู่แล้ว แต่ไม่วายต้องย้อนกับไปหา “บังยี” อีก นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่ไม่ชอบ “บังยี” ต่างนำเอาปัญหาเหล่านั้นมาผูกโยงกันให้เป็นเรื่องเป็นเพื่อต่อต้าน “บังยี” อีกต่างหาก
“บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ เหรัญญิกคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้รับฉายา “ยูเทิร์น เกินร้อย” จากกรณีประกาศอำลาตำแหน่งหัวหน้าคณะนักกีฬาไทย แล้วถูกเกลี้ยกล่อมจนยอมเปลี่ยนใจ เพราะใจยังรักกีฬาเกินร้อยอยู่เหมือนเดิม
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้รับฉายา ผู้ว่าฯ อารี (หน้า) แตก สืบเนื่องจากการที่ ผู้ว่าฯ กทม. สั่งลุยให้ก่อสร้างสนาม บางกอก ฟุตซอล อารีน่า (เขตหนองจอก) เพื่อรองรับการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ พร้อมการันตีว่าเสร็จทันแน่นอน โดยเร่งก่อสร้างตลอด 24 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็เสร็จไม่ทัน กระทั่งคณะกรรมการสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ไม่อนุญาตให้ใช้ เพราะเกรงจะเกิดอันตราย ทำให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ หน้าแตกละเอียด
“บิ๊กหนุ่ม” นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รับฉายา “หนุ่ม เอฟวัน” เนื่องจากปีที่ผ่านมา “บิ๊กหนุ่ม” ได้พยายามผลักดันเรื่องของการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์สูตร 1 ชิงแชมป์โลก หรือ เอฟวัน ประกอบกับการทำงานที่รวดเร็วปานรถแข่งเอฟวัน
นายโอภาส เรืองปัญญาวุฒิ อดีตนักยิงปืนทีมชาติหลายสมัย ได้รับฉายา “มือปืนหมัดตรง” จากเหตุการณ์อื้อฉาวประเคนหมัดใส่ นายรัศมิมาน นามประเสริฐ กรรมการผู้ตัดสินของสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย จนปากแตกต้องเย็บ 2 เข็ม ระหว่างการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 41 “เชียงใหม่เกมส์” และถูกลงโทษจาก กกท. ให้ห้ามลงแข่งขันกีฬาแห่งชาติ 2-5 ปี
“มาดามมล” นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภา ได้รับฉายา “มาดามตามกระแส” ปีที่ผ่านมา นางนฤมล และคณะกรรมาธิการการกีฬาชุดนี้ ทำงานตามกระแสข่าวดังที่เกิดขึ้นตลอด ไม่ว่าจะเป็นกรณี บริษัท แดอัน จากเกาหลีใต้ ที่มากล่าวหา นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ หรือ เรื่องของสนามฟุตซอลโลกที่สร้างไม่เสร็จ ล่วนแต่เป็นการตามกระแสข่าวเกือบทุกเรื่อง ไม่มีเรื่องใดที่เป็นการขุดคุ้ยด้วยตัวเองเลย
“ดำ ดอทคอม” บัวขาว ป.ประมุข นักมวยไทยชื่อดัง ได้รับฉายา “ดำ ดราม่า” จากการที่ บัวขาว มีปัญหาความขัดแย่งกับ "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ และลูกชาย แล้วหนีออกจากค่ายไป ทั้งที่ “กำนันแก๊” เป็นคนปั้น บัวขาว ไปต่อยมวย “เควัน” จนได้แชมป์โลก และมีชื่อเสียงโด่งดัง ภายหลัง บัวขาว ไปขอขมา “กำนันแก๊” เหมือนเรื่องจะจบ แต่ก็กลับมีปัญหากันอีกชนิดที่ว่าไม่เผาผีกันเลย สุดท้าย กกท. ก็เข้ามาไกล่เกลี่ย เรื่องจึงจบลง ขณะเดียวกันการชกมวยไทยไฟต์ ก็มีข้อกังขาจากแฟนมวยว่าคู่ชกของ บัวขาว เก่งจริงหรือไม่ จึงดูคล้ายกับว่าเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างของ บัวขาว เป็นการแสดง เพราะถูกจัดฉากและเขียนบทเอาไว้ล่วงหน้า
ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ได้รับฉายา “ตบแรง (เงา) แห่งชาติ” ด้วยผลงานในการแข่งขันวอลเลย์บอล เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อกลางปี ซึ่งแข่งขันกันที่ประเทศจีน ทีมลูกยางสาวไทยทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แม้จะไม่สามารถได้โตวต้าผ่านเข้าไปเล่นในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ปนระเทศอังกฤษ แต่ก็สร้างความประทับใจให้แฟนกีฬา และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการที่ทำให้รถบนถนนในกรุงเทพมหานคร โล่งว่าง ยามที่ทีมไทยลงแข่ง เฉกเช่นเดียวกับความแรงของละครโทรทัศน์เรื่อง “แรงเงา” ที่หลานคนขนานนามว่า “แรงเงาแห่งชาติ” เพราะทำให้ถนนโล่งได้เช่นกัน
“น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ ได้รับฉายา “เมย์ เบรกแตก” ปีที่ผ่านมาโชว์ลีลาการตบลูกขนไก่ได้อย่างโดดเด่น ได้รองแชมป์แบดมินตัน “ไทยแลนด์ โอเพ่น กรังด์ปรีซ์” ผ่านเข้าสู่รอบ 8 คน ในการแข่งขันโอลิมปิเกมส์ 2012 จนกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของชาวไทย จนถูกดึงตัวไปเล่นลีกอาชีพในประเทศจีน สามารถพาทีม “ชิงเต่า” ได้รองแชมป์ ล่าสุด “น้องเมย์” ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในรายการ ซูเปอร์ ซีรีส์ เมื่อต้นเดือนธันวาคม และสหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ (BWF) ประกาศอันดับคะแนนสะสมโลกนักแบดมินตัน ประจำวันที่ 20 ธันวาคม 2555 ผลปรากฏว่าในประเภทหญิง "น้องเมย์” นักตบลูกขนไก่ขวัญใจชาวไทย วัย 17 ปี ก้าวขึ้นจากอันดับ 9 ไปยึดมือ 6 ของโลกเป็นที่เรียบร้อย ผลงานของ “น้องเมย์” แรงไม่หยุเดฉุดไม่อยู่ เปรียบเหมือน “รถเมล์” ที่เบรกแตกพุ่งชนทุกอย่างที่ขวางหน้า.