เอเยนซี-โนวัค ยอโควิช โชว์ฟอร์มสมราคาคว้าแชมป์ "เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์" ส่งท้ายปี 2012 ด้วยการชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ แชมป์เก่าชาวสวิส 2-0 เซต 7-6(8-6),7-5 เมื่อวันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นประเทศอังกฤษ ณ โอทู อารีนา โดยภาพรวมฤดูกาลนี้เหมือนเป็นบททดสอบสำหรับหวดเลือดเซิร์บอย่างแท้จริง แต่สุดท้ายก็สอบผ่านฉลุย ไม่ว่าจะเป็นการกระชากบัลลังก์มือ 1 กลับคืนมาได้ รวมถึงถูกบรรดา "ท็อปโฟร์" เรียงหน้ากันขึ้นมาท้าทายแชมป์ แกรนด์ สแลม เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าปีหน้าใครจะขึ้นมาโค่นไม่ใช่เรื่องยากและต้องถีบตัวเองขึ้นอีกเท่าตัว
แม้ว่าปีนี้ผลงานโดยรวมจะสู้ฤดูกาล 2011 ที่คว้าแชมป์ แกรนด์ สแลม ถึง 3 รายการและโกยเงินรางวัลไปมากที่สุดในอาชีพบนคอร์ตเทนนิสไม่ได้ แต่ ยอโควิช ก็สามารถยึดมือ 1 ได้เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันด้วยผลงานแชมป์ ออสเตรเลียน โอเพน และเข้าชิง เฟรนช์ โอเพน รวมถึง ยูเอส โอเพน เพราะทั้ง เฟเดอเรอร์ และ แอนดี เมอร์เรย์ ก็ต่างยกระดับผลงานของตนเองขึ้นมาต่อกรได้อย่างสูสี แต่สุดท้าย “โนเล่” ก็คว้าแชมป์ เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ ได้เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 2008 จากชัยชนะ 5 แมตช์รวด ทั้งที่เป็นรายการปิดท้ายปีซึ่งหลายคนเริ่มบ่นล้ากันเป็นทิวแถว
ยอโควิช วัย 25 ปีแสดงให้เห็นถึงสภาพร่างกายที่เหนือกว่าบรรดาคู่ต่อกรทั้งหลายอย่าง เมอร์เรย์ ที่อายุเท่ากันเคยดวลกันถึง 5 เซตนัดชิง ยูเอส โอเพน ปีนี้ที่พ่ายไปและ 3 ชั่วโมง 20 นาทีศึก เซี่ยงไฮ้ มาสเตอร์ส เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาล้างตาได้สำเร็จ โดยกล่าวว่า “ผมไม่คิดเลยว่าจะตามรอยปี 2011 อันน่าเหลือเชื่อได้ แต่ 2 แชมป์ใหญ่ปีนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาก จนเชื่อว่ายังสามารถเล่นเทนนิสได้ดีที่สุดอีกในชีวิตและคว้าแชมป์ให้มากขึ้น ถือเป็นช่วงจังหวะชีวิตของผม เพราะผ่านฤดูกาลอันแสนสาหัสทั้งยอดเยี่ยมและผิดหวัง”
“ส่วนทีมงานผมทำได้ยอดเยี่ยมากวางแผนจนกระทั่งจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งแชมป์ที่นี่ เพราะก่อนแข่งก็ตั้งเป้าจะสู้และเข้ารอบให้ลึกที่สุดคว้าชัยทุกแมตช์จึงถือเป็นสิ่งที่สุดพิเศษ เนื่องจากเล่นได้ดีตลอดทั้งสัปดาห์รวมถึงคืนนี้ก็ทำได้อย่างใจต้องการ ยิงลูกสวยๆ ได้มากมายจนรู้สึกว่าไม่สามารถเรียกร้องการเล่นได้เจ๋งกว่านี้อีกแล้วในตอนนี้” เจ้าของ 3 แกรนด์ สแลม เผย
พร้อมกันนี้ ยอโควิช ยังกล่าวถึง เซอร์ดาน พ่อที่กำลังป่วยจากโรคเลือด กลายเป็นแรงผลักดันให้คว้าแชมป์รายการนี้ “เป็นปีที่มหัศจรรย์มาก เพราะผมต้องเผชิญหน้ากับการลงเล่นบนคอร์ตที่แตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัวร์นาเมนต์นี้ อีกทั้งการที่พ่อของผมต้องสู้กับสุขภาพของตนเองก็ถือเป็นแรงกระตุ้นพิเศษที่ส่งให้แข็งแกร่งอยากจะเล่นเพื่อเขา ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลที่อยากได้แชมป์นี้ด้วย ตอนนี้ถือว่าดีขึ้นแล้วพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมและนำถ้วยไปฝากโดยหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้ม”
ขณะที่ผู้พ่ายแพ้ เฟเดอเรอร์ ผิดหวังเล็กน้อย หลังมีโอกาสปิดเซตเมื่อเบรกขึ้นนำทั้ง 2 เซตแต่ทำไม่สำเร็จ ทว่ามอง ยอโควิช รวมถึง เมอร์เรย์ คือแรงกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้ไม่คิดเรื่องแขวนแร็กเก็ต อีกทั้งฤดูกาลนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะลงเล่นไม่มาก ทว่ายังได้แชมป์ วิมเบิลดัน สมัยที่ 7, เหรียญเงิน โอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ และครองมือ 1 ของโลกมากที่สุด 300 สัปดาห์
เจ้าของแชมป์ 17 แกรนด์ สแลม กล่าวว่า “น่าผิดหวังเล็กน้อย เพราะมีโอกาสดีที่จะปิดเกมได้ก่อน ถือเป็นแรงกระตุ้นที่ต้องพยายามสู้กับ โนวัค, แอนดี และ ราฟา เยี่ยมมากที่ได้สู้กับผู้เล่นเหล่านี้ เพราะทุกคนสามารถพลิกเกมกลับมาได้ตลอดเวลาไม่เหมือนคนอื่นๆ ผมชอบเผชิญกับพวกดาวรุ่ง ได้ดูพวกเขาที่บางคนมีผมเป็นแบบอย่างเติบโตขึ้นมาในยุคต่อไป”
“ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฤดูกาลอันยอดเยี่ยม ผมพอใจผลงานที่สามารถรีดศักยภาพออกมาได้ช่วงปลายซีซัน เห็นได้ชัดว่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ในฤดูกาลหน้า แต่ยังไม่ได้ตั้งเป้าหมาย เพราะต้องดูตารางให้แน่ใจก่อน แน่นอนว่าอยากเล่นมากขึ้นกว่าปีนี้ที่โอกาสทำได้ยากมาก” หวดวัย 31 ปี ทิ้งท้าย
เมื่อ ยอโควิช ตั้งโจทย์ไว้แบบนี้แล้วต้องมองย้อนไปที่ผู้ไล่ล่าจะมีแรงฮึดขนาดไหนสำหรับปี 2013 เฟเดอเรอร์ ยังพอมีพิษสงอยู่บ้างทวงบัลลังก์คืนมาได้ระยะสั้นๆ สุดท้ายก็พ่ายสังขารตัวเอง ทำให้ เมอร์เรย์ มือ 3 ของโลกดูมีน้ำมีน้ำนวลที่สุดจากผลงานปีนี้แชมป์ แกรนด์ สแลม แรก ยูเอส โอเพน รวมถึงเหรียญทอง โอลิมปิก ที่จะขึ้นมาเป็นคู่ต่อกร ด้วยอายุอานามที่สูสีและสุดท้าย ราฟาเอล นาดาล จากสเปน ที่ตอนนี้กำลังเยียวยาอาการเจ็บเข่าหากสลัดจนหายเป็นปลิดทิ้งก็น่าจะเป็นอีกปีที่บี้กันสนุก แต่ทรงของวงการจะไม่เปลี่ยนหน้าไปจากนี้แน่นอน
