ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถือเป็นความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่ของทีมไรเดอร์ คัพ ยุโรป ภายใต้การนำทัพของ โฆเซ มาเรีย โอลาซาบัล กัปตันทีมชาวสเปนที่สามารถพลิกสถานการณ์และลูกทีมที่งัดฟอร์มสุดหรูจากตามหลังในวันที่ 2 ถึง 4 แต้มกลับมาป้องกันแชมป์ศึกกอล์ฟแห่งศักดิ์ศรีไรเดอร์ คัพ ครั้งที่ 39 ได้สำเร็จถึงแผ่นดินอเมริกา
แชมป์ไรเดอร์ คัพ ครั้งล่าสุดเมื่อเช้าวันจันทร์เปิดหัวเดือนตุลาคมของทีมยุโรปกลายเป็นแชมป์สมัยที่ 9 นับตั้งแต่การแข่งขันเปลี่ยนกฏมาเป็นทีมรวมยุโรปพบกับทีมเมืองมะกันในปี 1979 โดย เซวี บาเยสเตรอส ถือเป็นตำนานผู้บุกเบิกในปีแรกที่เข้าร่วมแข่งขันจนสามารถทำผลงานแชมป์ครั้งแรกปี 1985 ด้วยสกอร์ชนะทีมลุงแซม 16 ครึ่ง ต่อ11 ครึ่ง ที่วอร์วิคแชร์ ประเทศอังกฤษ
หลังจากนั้น “เซวี” พาทีมยุโรปผงาดเหนือคู่แข่งจากสหรัฐฯ ได้อีก 3 ครั้งในปี 1987, 1989 (รักษาแชมป์สกอร์เท่ากันที่ 14-14) และ 1995 ซึ่ง 2 ปีถัดมาตำนานก้านเหล็กชาวสเปนถูกเสนอชื่อให้เป็นกัปตันทีมพาลูกทีมกลับมาป้องกันตำแหน่งแชมป์ที่ วัลเดอร์รามา กอล์ฟ คลับ ประเทศบ้านเกิดได้สำเร็จ ก่อนอำลาทีมไรเดอร์คัพ อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นแรงกระตุ้นช่วยให้ก้านเหล็กยุโรปในยุคหลังพัฒนาฟอร์มยกมาตรฐานขึ้นมาสู่กับสหรัฐฯ ได้สูสียิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุผลซึ่งทำให้ฝั่งโปรชาวอเมริกันทำผลงานได้ดีและได้เปรียบเล็กๆ ในการแข่งกับทีมยุโรปคือความคุ้นเคยการกับการแข่งทีมแมตช์เพลย์ เนื่องจากทุกปีที่ว่างเว้นจากศึกไรเดอร์ คัพ พวกเขาจะมีรายการ “เพรสซิเดนท์ คัพ” ที่ลงดวลกับทีมกอล์ฟนานาชาติ ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1994 เป็นการวอร์มอัพซ้อมมืออยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าได้ลงแข่งประเภททีมอยู่ทุกปี ผิดกับฝั่งยุโรปที่ต้องรอเล่นปีเว้นปี
และนอกจากแรงบันดาลใจกับการช่วยเพิ่มสปิริตในทีมอย่างที่บรรดานักกอล์ฟหลายคนของทีมยุโรปออกมากล่าวถึงกันถ้วนหน้า ร่วมถึงตัวกัปตันทีมชาวสแปนิช ซึ่งเป็นเพื่อนซี้ของ “เซวี” เองที่ถึงกับหลั่งน้ำตาในวันสุดท้ายพร้อมอุทิศแชมป์ปี 2012 ให้โปรผู้ล่วงลับ นักกอล์ฟรุ่นน้องชาวยุโรปยังต้องขอบคุณตำนานโปรรายนี้เป็นอย่างสูงที่เล็งเห็นความสำคัญของการแข่งกอล์ฟประเภททีม และเริ่มจัดแข่งกอล์ฟทีมแมตข์เพลย์รายการ “เซวี โทรฟี” ตั้งแต่ปี 2000 เพื่อให้ก้านเหล็กฝั่งยุโรปฝึกฝีมือในการแข่งประเภททีม จนเรียกได้ว่าช่วงหลังก้าวล้ำทีมสหรัฐฯไปเล็กๆ ก็ไม่น่าเกลียดนัก เพราะการแข่ง 6 ครั้งล่าสุดเป็นยุโรปที่ซิวแชมป์มาครองถึง 5 สมัยด้วยกัน
“เซวี โทรฟี” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “วิวองดี เซวี โทรฟี” ในปัจจุบันริเริ่มขึ้นโดย บาเยสเตรอส ตั้งแต่ปี 2000 จัดแข่งแบบปีเว้นปีในซีซั่นที่ไม่มีศึก ไรเดอร์ คัพ เป็นศึกระหว่างทีมสหราชอาณาจักพบกับทีมร่วมยุโรป ใช้กติกาที่ถอดแบบมาจากไรเดอร์ คัพ ไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่ลดขนาดทีมลงจากฝั่งละ 12 คน เหลือเพียง 10 คนเท่านั้น จัดแข่งในช่วงเดือนปลาย ก.ย. ทันทีที่จบศึก เฟดเอ็กซ์ คัพ ซีรีย์ และใช้เกณฑ์การเลือกผู้เล่นเข้าทีมโดยพิจารณาจาก 5 นักกอล์ฟยุโรปที่มีอันดับโลกดีที่สุด 5 คน และอีก 5 รายมาจากโปรที่อันดับดีที่สุดในคะแนนสะสม “เรซทูดูไบ”
ทว่า “เซวี โทรฟี” ก็มาเจอปัญหาเล็กๆ เมื่อต้องมาชนกับปฏิทินของศึกกอล์ฟแห่งศักดิ์ศรีรายการใหญ่เข้าจนได้ เนื่องมาจากปี 2001 เกิดเหตุก่อการร้ายที่สหรัฐฯ โดยเหตุการณ์ระทึก “11 กันยา” ทำให้ไรเดอร์คัพต้องเลื่อนมาในปี 2002 ซึ่งเจ้าของแชมป์เมเจอร์ 5 รายการก็แก้ปัญหาด้วยการจัดแข่งซ้ำในปี 2003 และเว้นไปในปี 2005เป็นอันว่าทุกอย่างจบลงด้วยความเรียบร้อย
ทั้งนี้ในปี 2009 “เซวี โทรฟี” ได้ “วิวองดี” บริษัทการสื่อสารและโทรคมนาคมรายใหญ่ของเมืองน้ำหอมเข้ามาให้การสนับสนุนและเคยเปลี่ยนชื่อไปเป็น “เดอะ วิวองดี โทรฟี วิธ เซวี บาเยสเตรอส” ก่อนจะมาลงตัวที่ “วิวองดี เซวี โทรฟี” ในปัจจุบัน ทว่ารายการนี้ก็ยังไม่เงินรางวัลในผู้ชนะเรียกได้ว่าแข่งกันด้วยหัวใจและเกียรติยศที่ค้ำคอไม่ต่างจาก ไรเดอร์ คัพ
และถึงแม้ “เซวี โทรฟี” ตลอด 7 ครั้งที่ผ่านมา จะเป็นสหราชอาณาจักรคว้าชัยไปถึง 6 ครั้ง หากแต่ว่านั้นก็ไม่ใช่เหตุผลหรือข้อสงสัยที่ต้องมานั่งถกเถียง เพราะเมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองทีมมาผนึกกำลังกันใน ไรเดอร์ คัพ พวกเขายังสามารถเอาชนะคู่แข่งจากอเมริกันได้อย่างต่อเนื่อง
เรื่องโดย : ปภังกรณ์ นิลวรกุล