ASTVผู้จัดการรายวัน - วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมอดีตรองประธานบริษัท แดอัน 21 จำกัด ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงหลังถูกฟ้องข้อหาฉ้อโกง ยืนยันมีการทำสัญญามอบหมายให้บริษัทจากประเทศเกาหลีใต้ ดูแลสิทธิประโยชน์จริงจึงต้องมีการโอนเงินเข้าบัญชีสมาคมตามขั้นตอน ทว่า เป็นฝ่ายคู่กรณีที่เกิดปัญหาภายใน และทำผิดข้อตกลงก่อน พร้อมขู่ฟ้องกลับ เนื่องจากสัญญาที่ค้างอยู่คิดเป็นเงินมูลค่า 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 227 ล้านบาท)
จากกรณี บริษัท แดอัน 21 จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แดอัน ย็อนอัพ จำกัด) ส่งตัวแทนยื่นคำฟ้องต่อศาลคดีอาญาข้อหาร่วมกันฉ้อโกงเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 1 และ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคม เป็นจำเลยที่ 2 หลังทางบริษัทถูกชักชวนให้มาลงทุนทำธุรกิจการตลาดกีฬามอบหมายให้ดูแลผลประโยชน์เรื่องสปอนเซอร์และลิขสิทธิ์ต่างๆ พร้อมโอนเงินไปแล้วจำนวน 900,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 28.8 ล้านบาท) แบ่งเป็นงวดแรก 600,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 19.2 ล้านบาท) และงวดสอง 300,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9.6 ล้านบาท) ชำระแค่ครึ่งเดียว จากทั้งหมดที่ตกลง 2,400,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 76.8 ล้านบาท) ต่อปี แบ่งจ่าย 4 งวด ตั้งแต่ปี 2550 สุดท้ายกลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้นตามที่ตกลงกันไว้
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2555 เวลา 14.30 น.ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย สนามศุภชลาศัย นายวรวีร์ พร้อมด้วย องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการ วีระ คำมี ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายฯ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน ไทยพรีเมียร์ลีก และ มร.เจ โรห์ อดีตรองประธานบริษัท แดอัน 21 จำกัด แถลงข่าวชี้แจงที่มาที่ไปท่ามกลางสื่อมวลชนหลายสำนักร่วมทำข่าวคับคั่ง
วรวีร์ กล่าวพร้อมโชว์สัญญาที่ทำไว้ ซึ่งตรงกับที่ทางทนายของ บ.แดอัน 21 เปิดเผยต่อสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ “ตามที่มีการฟ้องผมข้อหาฉ้อโกงนั้น อยากจะยืนยันว่า มีการทำสัญญาร่วมกันอย่างชัดเจนระหว่าง บ.แดอัน กับ สมาคมฟุตบอลฯ และที่สำคัญ ทาง บ.เกาหลี มีการส่งคนมาร่วมงานกันจริง และเมื่อทางสมาคมให้สิทธิ์ในการดูแลผลประโยชน์แล้ว เพราะฉะนั้นจึงต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นธรรมดา เงินที่โอนเข้ามานั้นก็เข้าบัญชีของสมาคมไม่ได้เข้าบัญชีของคนใดคนหนึ่งแต่อย่างใด”
“แต่เมื่อผ่านไป 1 ปี เหมือนกับว่าบริษัทเองมีปัญหาภายใน และก็หายเงียบไป ซึ่งทางสมาคมก็ได้พยายามส่งหนังสือติดต่อไป แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ และในระหว่างนั้น ทางสมาคมก็ไม่ได้ไปทำสัญญาซ้ำกับใคร แต่ที่ผมสงสัยในความไม่ปกติ คือ ทำไมทนายของ บ.แดอัน ถึงโทร.ไปบอกสำนักข่าวต่างๆ พยายามให้ข่าวเพื่อดิสเครดิตและเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และถ้าหากว่ามีการโกงกันเกิดขึ้นจริง สามัญสำนึกก็น่าจะมีการดำเนินการที่เร็วกว่านี้” นายกสมาคมลูกหนังไทย เผย
“ซึ่งกรณีนี้ส่งผลให้ชื่อเสียงเกียรติยศเสียหาย ตอนนี้ผมได้ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐาน เพื่อที่จะทำการฟ้องกลับ และเรียกค่าเสียหายให้คุ้มค่า รวมถึงถ้ามองในหลักความเป็นจริง ทางสมาคมควรจะเป็นผู้ที่ฟ้องก่อนด้วย เพราะฝ่ายนั้นจู่ๆ ก็หายไป ไม่ปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งเงินที่เหลือที่ทาง บ.แดอัน จะต้องจ่ายตามสัญญาที่เหลืออยู่ 3 ปีครึ่ง น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 227 ล้านบาท)” วรวีร์ ร่ายยาว
ขณะที่ มร.เจ โรห์ อดีตรองประธานบริษัท แดอัน 21 จำกัด ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อนว่า ตนได้เข้ามาร่วมงานกับ บ.แดอัน จริงในตำแหน่งรองประธาน เป็นเวลา 1 ปี ส่วนคนที่ทำสัญญา คือ มร.คุง จัง ปาร์ค ซีอีโอของบริษัท ซึ่งการทำสัญญาในครั้งนั้นเป็นการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการและเปิดเผย รวมถึงมีพยานในระหว่างการลงนามด้วย
“หลังจากนั้น ก็ได้เข้ามาตั้งออฟฟิศในกรุงเทพฯ และได้เริ่มเจรจากับสปอนเซอร์หลายราย เช่น ไนกี้, อาดิดาส, ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด, ซัมซุง, แอลจี พานาโซนิค และอื่นๆอีก โดยได้มีการโอนเงินให้สมาคมอย่างถูกต้อง นอกจากนั้น ข้อตกลงในสัญญาทาง บ.แดอัน จะต้องหาทีมมาแข่งขัน ซึ่งก็ได้นำทีมชาติฮอลแลนด์ มาแข่งกับทีมชาติไทย (6 มิ.ย. 2550 ไทยแพ้ 1-3) แต่เกิดการขาดทุน จึงหยุดทำการและเลิกไป ซึ่งตนได้ติดต่อให้มาทำต่อแต่ก็ไม่กลับมาทำ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาฟ้องสมาคมเมื่อผ่านไป 5 ปีแล้ว และเวลานี้ บ.แดอัน ยังคงมีอยู่ แต่เหมือนเป็นบริษัทที่กำลังหลับ (หยุดประกอบกิจการ) และพอได้ข่าวว่าจะมีการฟ้องร้องสมาคมฟุตบอลไทย ผมคิดว่ามันไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไร”
