“พานาโซนิค” ดันไทยตลาดหลักกลุ่มบิวตี้ในเอเชียแปซิฟิกที่เริ่มรุกตลาดโลก หลังจากไทยเป็นฐานผลิตหลักกลุ่มบิวตี้มานาน ก่อนรีโนเวตใหญ่หลังน้ำท่วมปีที่แล้วกลับมาผลิตได้ 100% แล้ว วางเป้าหมายรายได้บิวตี้ทั่วโลก 500 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558
นายฮิโรโยชิ ซูก้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค คอนซูเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง เอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า บริษัทแม่ของพานาโซนิควางเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญแห่งแรกของสินค้ากลุ่มบิวตี้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งขณะนี้กลุ่มบิวตี้ได้เริ่มขยายตลาดออกสู่เอเชียแล้วหลังจากที่เริ่มทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกเมื่อหลายปีที่ผ่านมา และมีแผนจะขยายสู่ตลาดโลกด้วย ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นตลาดท็อปทรีอยู่แล้ว รวมกับอินเดีย มาเลเซีย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในแง่ของยอดขายรวมตลาดในประเทศเฉพาะกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักต์ ด้วยรายได้มากกว่า 9,500 ล้านบาท
เดิมทีไทยเป็นฐานผลิตที่สำคัญในกลุ่มบิวตี้ของพานาโซนิคที่โรงงานนวนคร โดยโรงงานแห่งนี้ส่งออกมากถึง 96% จากกำลังผลิตทั้งหมด ส่วนอีก 4% ผลิตขายในไทย แต่เมื่อปีที่แล้วเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ท่วมโรงงานด้วย ทำให้กำลังผลิตได้รับผลกระทบ ส่วนยอดขายในไทยก็หายไปบ้างพอสมควร แต่ตอนนี้ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินเครื่องผลิต 100% รวมทั้งมีมาตรการป้องกันน้ำท่วมแล้ว มั่นใจว่าไทยยังคงเป็นฐานผลิตสำคัญของพานาโซนิคต่อเพราะไม่ทิ้งตลาดประเทศไทย ซึ่งงานเปิดตัวกลุ่มบิวตี้อย่างเป็นทางการในไทยพร้อมกันทั่วเอเชียแปซิฟิก ผู้บริหารระดับภูมิภาคก็เดินทางมาร่วมงานที่ประเทศไทยด้วย
โดยตลาดบิวตี้ในไทยจะเป็นตลาดสำคัญอีกแห่งที่จะช่วยผลักดันยอดขายกลุ่มบิวตี้ของพานาโซนิครวมไปสู่ยอดขาย 500 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2558 ซึ่งสัดส่วนยอดขายจะมาจากญี่ปุ่น 70% และตลาดอื่นๆ ทั่วโลก 30% จากปัจจุบันที่สัดส่วนยอดขายมาจากญี่ปุ่น 83% และอื่นๆ ทั่วโลก 17% โดยที่ประเทศไทยมียอดขายประมาณ 100 ล้านบาทเมื่อปีบัญชีปี 2554 (จบปีบัญชีเดือนมีนาคม 2555) ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเป่าผมเป็นหลัก
จากนี้จะมีสินค้าในกลุ่มบิวตี้เข้ามาทำตลาดมากขึ้น และคาดว่จะครบไลน์สินค้าภายในสิ้นปีนี้ โดยปัจจุบันสินค้าที่ทำตลาดในไทย เช่น เครื่องเป่าผมนาโนแคร์ เครื่องอบไอน้ำสำหรับผิวหน้า แปรงปัดขนตาไฟฟ้า และแปรงสีฟันไฟฟ้า ซึ่งใช้เทคโนโลยีนาโนอิอันเป็นลิขสิทธิ์ของพานาโซนิคเอง ระดับราคาตั้งแต่ 400-4,700 บาทต่อชิ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะวางตลาดในไทยพร้อมกันกับอีก 4 ประเทศ คือ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยวางงบการตลาดไว้ 300 ล้านบาทในการทำตลาดทั้ง 5 ประเทศดังกล่าวนี้ ปัจจุบันยอดขายจากกลุ่มบิวตี้มีประมาณ 3% จากยอดขายรวมในเอเชียแปซิฟิก และหลังจากที่ทำตลาดจริงจังจากนี้จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 6% ในปีหน้า
นายโทชิฮิโร มาจิมะ กรรมการผู้จัดการบริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ครึ่งปีแรกนี้เติบโต 10% และคาดว่าทั้งปีจะมีอัตรการเติบโตที่ 10% เช่นกัน โดยกลุ่มบิวตี้คาดจะมีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาทในปีนี้ (ปีบัญชีปี 2555 เริ่ม เม.ย. 55-มี.ค. 56)
นายฮิโรโยชิ ซูก้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค คอนซูเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง เอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า บริษัทแม่ของพานาโซนิควางเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญแห่งแรกของสินค้ากลุ่มบิวตี้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งขณะนี้กลุ่มบิวตี้ได้เริ่มขยายตลาดออกสู่เอเชียแล้วหลังจากที่เริ่มทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกเมื่อหลายปีที่ผ่านมา และมีแผนจะขยายสู่ตลาดโลกด้วย ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นตลาดท็อปทรีอยู่แล้ว รวมกับอินเดีย มาเลเซีย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในแง่ของยอดขายรวมตลาดในประเทศเฉพาะกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักต์ ด้วยรายได้มากกว่า 9,500 ล้านบาท
เดิมทีไทยเป็นฐานผลิตที่สำคัญในกลุ่มบิวตี้ของพานาโซนิคที่โรงงานนวนคร โดยโรงงานแห่งนี้ส่งออกมากถึง 96% จากกำลังผลิตทั้งหมด ส่วนอีก 4% ผลิตขายในไทย แต่เมื่อปีที่แล้วเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ท่วมโรงงานด้วย ทำให้กำลังผลิตได้รับผลกระทบ ส่วนยอดขายในไทยก็หายไปบ้างพอสมควร แต่ตอนนี้ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินเครื่องผลิต 100% รวมทั้งมีมาตรการป้องกันน้ำท่วมแล้ว มั่นใจว่าไทยยังคงเป็นฐานผลิตสำคัญของพานาโซนิคต่อเพราะไม่ทิ้งตลาดประเทศไทย ซึ่งงานเปิดตัวกลุ่มบิวตี้อย่างเป็นทางการในไทยพร้อมกันทั่วเอเชียแปซิฟิก ผู้บริหารระดับภูมิภาคก็เดินทางมาร่วมงานที่ประเทศไทยด้วย
โดยตลาดบิวตี้ในไทยจะเป็นตลาดสำคัญอีกแห่งที่จะช่วยผลักดันยอดขายกลุ่มบิวตี้ของพานาโซนิครวมไปสู่ยอดขาย 500 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2558 ซึ่งสัดส่วนยอดขายจะมาจากญี่ปุ่น 70% และตลาดอื่นๆ ทั่วโลก 30% จากปัจจุบันที่สัดส่วนยอดขายมาจากญี่ปุ่น 83% และอื่นๆ ทั่วโลก 17% โดยที่ประเทศไทยมียอดขายประมาณ 100 ล้านบาทเมื่อปีบัญชีปี 2554 (จบปีบัญชีเดือนมีนาคม 2555) ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเป่าผมเป็นหลัก
จากนี้จะมีสินค้าในกลุ่มบิวตี้เข้ามาทำตลาดมากขึ้น และคาดว่จะครบไลน์สินค้าภายในสิ้นปีนี้ โดยปัจจุบันสินค้าที่ทำตลาดในไทย เช่น เครื่องเป่าผมนาโนแคร์ เครื่องอบไอน้ำสำหรับผิวหน้า แปรงปัดขนตาไฟฟ้า และแปรงสีฟันไฟฟ้า ซึ่งใช้เทคโนโลยีนาโนอิอันเป็นลิขสิทธิ์ของพานาโซนิคเอง ระดับราคาตั้งแต่ 400-4,700 บาทต่อชิ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะวางตลาดในไทยพร้อมกันกับอีก 4 ประเทศ คือ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยวางงบการตลาดไว้ 300 ล้านบาทในการทำตลาดทั้ง 5 ประเทศดังกล่าวนี้ ปัจจุบันยอดขายจากกลุ่มบิวตี้มีประมาณ 3% จากยอดขายรวมในเอเชียแปซิฟิก และหลังจากที่ทำตลาดจริงจังจากนี้จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 6% ในปีหน้า
นายโทชิฮิโร มาจิมะ กรรมการผู้จัดการบริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ครึ่งปีแรกนี้เติบโต 10% และคาดว่าทั้งปีจะมีอัตรการเติบโตที่ 10% เช่นกัน โดยกลุ่มบิวตี้คาดจะมีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาทในปีนี้ (ปีบัญชีปี 2555 เริ่ม เม.ย. 55-มี.ค. 56)