xs
xsm
sm
md
lg

“บังยี” ยังไร้เอกสารยื่นต่อ กมธ.ป.ป.ช.ส.ส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยังไร้เอกสารยื่นต่อคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ขอยื่นเอกสารในการประชุมครั้งต่อไป ขณะที่ นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย หนึ่งใน กมธ.ป.ป.ช.ส.ส.ตั้งข้อสังเกตของ นายวรวีร์ ถึงเรื่องสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด

เมื่อเวลา 14.00 น.การประชุมคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.ส.ส.) เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมด้วย นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย หนึ่งใน กมธ.ป.ป.ช.ส.ส.และ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ร่วมชี้แจงกรณีการรับเงินและการเสียภาษีของสมาคม และ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก ที่ห้องประชุม 3502 อาคารรัฐสภา 3

ล่าสุด นายศุภชัย เผยถึงภาพรวมของวันนี้ต่อคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ว่า “หลังจากได้พูดคุยกับนายวรวีร์ แล้วรู้สึกบรรยากาศภายในห้องดูดีขึ้น พร้อมกันนี้ ท่านยังรับปากด้วยอีกว่า ในการประชุมครั้งหน้าจะนำเอกสาร ตามที่ กมธ.ป.ป.ช.ส.ส.เรียกเอกสารเพื่อนำมาชี้แจงต่อที่ประชุมทราบ อันที่จริงท่านควรจะชี้แจงต่อสาธารณชนให้ทราบไปเลยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรที่จริงผมคิดว่าท่าน (วรวีร์)เข้าใจว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตนเองว่าจะยื่นเอกสารฉบับใดบ้าง ไม่ยื่นฉบับใดบ้าง แต่จริงๆแล้วสิ่งใดที่ควรเปิดเผย ก็เปิดเผยเสียเลยจะดีกว่า”

“โดยเอกสารที่ทาง กมธ.ป.ป.ช.ส.ส.ขอดูเอกสารมีดังต่อไปนี้ 1.เอกสารรายงานการประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด 2.รายงานเรื่องสิทธิประโยชน์ระหว่าง บริษัท สยามสปอร์ตซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย รวมถึงสัญญาระหว่าง บริษัท สยามสปอร์ตซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย 3.งบดุลของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2550-ปัจจุบัน และ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ตั้งแต่ปี 2550-ปัจจุบันเช่นเดียวกัน และ 4.แบบยืนยันการเสียภาษีของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย”

ทั้งนี้ นายศุภชัย ยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า “นายวรวีร์ เป็นคนยอมรับว่า การจัดการสิทธิประโยชน์เป็นของบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด จริง และถ้ามีผลกำไรอะไรมาก็ตามก็จะแบ่งสรรปันส่วนให้กับผู้ถือหุ้นด้วย ทีพีแอลกับ ส.บอล เป็นนอมินีกัน แตกต่างกันแค่คำว่านิติบุคคล โดยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สมาคม นิติบุคคล คือ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร แต่ นายวรวีร์ กลับกล่าวคำพูดออกมาว่า สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน แสดงว่า สมาคมฟุตบอลฯเป็นองค์กรที่แสวงหาผลกำไรอย่างแท้จริง”

ด้าน “บังยี” วรวีร์ ที่ไร้เอกสารมายื่นต่อ กมธ.ป.ป.ช.ส.ส.ได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ตนได้ชี้แจงเกี่ยวกับการเสียภาษีอากร ให้กับที่ประชุมคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร จากนี้ในการประชุมครั้งต่อไปจะส่งเอกสารให้ครบถ้วนตามที่ กมธ.ป.ป.ช.ส.ส.ร้องขอดูเอกสาร”





กำลังโหลดความคิดเห็น