คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ป.ป.ช.) ไล่บี้ตั้งกระทู้ถาม “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถึงเรื่องขอดูเอกสารมติที่ประชุมในการจัดตั้งบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก และแต่งตั้งให้บริษัทสยามสปอร์ต เข้ามาดูแลสิทธิประโยชน์ รวมถึงวิธีการคัดเลือกผู้ถือหุ้น แต่เจ้าตัวกลับอ้างว่าสมาคมฟุตบอลฯเป็น นิติบุคคล ไม่สามารถเปิดเผยเอกสารสัญญาต่อที่สาธารณะได้ พร้อมขอตัวกลับก่อนเนื่องจากติดภารกิจ และจะเข้ามาชี้แจงสัปดาห์ถัดไป
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม 2555 ที่ห้องประชุม 3502 อาคารรัฐสภา 3 พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.)ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ป.ป.ช.) พร้อมด้วย นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กรรมการ กมธ.ป.ป.ช.เชิญ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการ เข้าร่วมชี้แจงเรื่องข้อสัญญาและการปฏิบัติหน้าที่ของสมาคมฟุตบอลฯ
ในระหว่างการประชุม นายศุภชัย ได้พยายามซักถามถึงจุดประสงค์ และขอให้ นายวรวีร์ แสดงเอกสารถึงการจัดตั้งบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด และบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ แต่ นายวรวีร์ กลับอ้างว่า สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรนิติบุคคล และไม่สามารถเปิดเผยสัญญาต่อที่สาธารณะได้ พร้อมถามกลับว่า ทำไมกรรมาธิการ ป.ป.ช.ถึงสามารถเข้ามาสอบสวนการทำงานของนิติบุคคลได้
ทางด้านกรรมาธิการ ป.ป.ช.จึงตอบกลับมา ว่า ทางคณะกรรมการมีอำนาจซักถามและขอเอกสารตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 ซึ่งถ้าไม่มีตามหมายเรียกจะมีโทษถึงจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3,000 บาท พร้อมกับบอกว่าถึงแม้สมาคมฟุตบอลฯจะเป็นนิติบุคคล แต่มีคำว่าแห่งประเทศไทยตามหลังอยู่ และทางสมาคมได้รับเงินสนับสนุนจากทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งมาจากเงินภาษีของประชาชน ฉะนั้น จึงต้องสามารถแจกแจงได้ว่านำเงินไปใช้ทำอะไร และมีหลักในการแบ่งผู้ถือหุ้นของ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก อย่างไร ทำไมถึงต้องเป็น นายวรวีร์ มะกูดี นายองอาจ ก่อสินค้า หรือคนอื่นๆ ที่ได้สิทธิ์
หลังจากโต้เถียงกันอยู่ราว 45 นาที “บังยี” ได้เสนอต่อที่ประชุมเพื่อขอออกไปทำภารกิจอื่นที่ติดค้างอยู่คืองานแถลงข่าวโครงการ “นักเตะไทย ขวัญใจมหาชน” พร้อมกับกล่าวว่า “ที่มาวันนี้ก็เพื่อมาตอบข้อสงสัยเรื่องว่าทางสมาคมฯยื่นเสียภาษีหรือไม่ และคำตอบคือเสีย ส่วนถ้าหากต้องการอะไรเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆต้องขอไปดูเอกสารก่อน และยืนยันว่า เอกสารการประชุมดังกล่าวมีอย่างแน่นอน แต่ทว่าทาง กมธ.ป.ป.ช.ไม่ได้บอกให้ตนเองเตรียมการเรื่องนี้มา จึงขอให้มีการนัดหมายมาชี้แจงอีกครั้ง ซึ่งตนยินดีที่จะมาทุกครั้งหากไม่ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ” ทั้งนี้ ทางกรรมาธิการ ป.ป.ช.จึงได้ขอนัดให้เข้ามาชี้แจงอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน 2555 เวลา 13.00 น.และก่อนหน้านั้นในวันอังคารที่ 11 กันยายน นายวรวีร์ มีกำหนดการต้องเข้าไปชี้แจงเรื่องการจ่ายภาษีที่กรมสรรพากร
ภายหลังการประชุม นายศุภชัย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “วันนี้ต้องขอขอบคุณสมาคมฟุตบอลฯที่เข้ามาชี้แจงตามคำเรียก แต่น่าเสียดายที่คุณวรวี์ติดภารกิจจึงต้องนัดให้เข้ามาชี้แจงอีกครั้ง ซึ่งในวันนี้ทางคณะกรรมาธิการฯได้ตั้งความถามทั่วๆไป แต่ท่านนายกสมาคมฯกลับตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เช่นถามว่าในที่ประชุมสมาคมฟุตบอลฯมีการลงมติและการบันทึกการปะชุมหรือไม่ ในกรณีที่จะจัดตั้งบ.ไทยพรีเมียร์ลีกขึ้นมา และทำไมถึงต้องเป็นบ.สยามสปอร์ตฯที่เข้ามาดูแล ทั้งที่มีบริษัทอีกมากมายที่มีพร้อมเช่นกัน”
“และวันนี้ท่านนายกฯคงเข้าใจถึงอำนาจของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.รวมถึงเข้าใจว่าถึงแม้สมาคมฟุตบอลฯจะเป็นนิติบุคคล แต่ก็สามารถตรวจสอบได้ และผมขอย้ำว่า ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นข้อสงสัยของหลายๆคนในคณะกรรมาธิการที่มีมานานแล้ว ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการบริหารของสมาคมฟุตบอลที่มีมาอย่างยืดเยื้อ” นายศุภชัย กล่าว ขณะที่ นายวรีร์ ได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “วันนี้ขอตอบแค่คำถามที่เตรียมมาเทานั้น ส่วนคำถามอื่นๆ และจะขอตอบในสัปดาห์ถัดไป”