นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ที่มี นาย เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นแกนนำพรรค และคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นเรื่องต่อประธานคณะกรรมาธิการ ให้เร่งตรวจสอบการดำเนินการของสมาคมลูกหนังไทย และ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต ที่มีความไม่ชอบมาพากลอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.55 นายศุภชัย ได้เดินทางมายังรัฐสภา ยื่นญัตติต่อ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ให้ช่วยตรวจสอบการดำเนินการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่มีลักษณะการดำเนินงานที่น่าสงสัย ต่อกรณีที่สมาคมฟุตบอล ภายใต้การควบคุมของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ตาม พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย และเป็นสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) รวมถึงสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) มีสิทธิ์จัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย ซึ่งสมาคมฟุตบอลมีรายได้นอกเหนือจากเงินบริจาคในรูปแบบค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และค่าสิทธิประโยชน์จากการบริหารจัดแบ่งรายได้ให้กับทีมสโมสร ดังนั้นจะต้องยื่นแบบเสียภาษี ภ.ง.ด.55 ต่อกรมสรรพกร
แต่กลายเป็นว่า สมาคมฟุตบอลกลับตั้งบริษัทเอกชน ชื่อ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ที่มีบุคคลภายนอกเป็นผู้ถือหุ้น เป็นผู้บริหารจัดการเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งตนมีข้อสงสัยว่า ทางสมาคมฟุตบอลมีสิทธิ์อันใดในการจดทะเบียน ส่วนเรื่องที่มีการโอนอำนาจบริหารทั้งหมดให้กับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) แต่ไม่เปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนรายอื่นเข้ามาแข่งขัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักธรรมาภิบาลและเป็นการใช้หลักกู ตามแบบของ นายวรวีร์ มะกูดี ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยด้วย ดังนั้น ตนจึงอยากให้ทาง กมธ.ป.ป.ช.เรียก กรมสรรพากร และ กกท.เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะตั้งแต่ นายวรวีร์ เข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคม เจ้าตัวไม่เคยเสียภาษีเลย และตนได้ทราบว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ ได้บรรจุเรื่องนี้เข้าสู่วาระแล้ว คาดว่า สัปดาห์หน้าจะเรียกตัวแทนของ 2 หน่วยงานดังกล่าวมาตรวจสอบข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม นายศุภชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่อย่างใด แค่ตนทำในนาม ส.ส.ที่เห็นถึงความไม่โปร่งใส แต่หาก นายเนวิน จะเป็นผู้ยื่นเรื่องเองก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ และทางสมาคมต้องชี้แจงรายละเอียดสิทธิประโยชน์ในการถ่ายทอดสด และค่าสปอนเซอร์ เพราะปีที่แล้วบริษัท สยามสปอร์ต บอกว่า มีรายได้ 200 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่าย 190 ล้านบาท และเหลือ 8 ล้านบาท โดยแบ่งให้สมาคม 4 ล้านบาท และบริษัทได้ 4 ล้านบาท ซึ่งตนอยากทราบเป็นความจริงหรือไม่ เพราะวันนี้ยังไม่ได้ยินเสียงจาก กกท.เลย และขอให้ กมธ.ป.ป.ช.ตรวจสอบสัญญาระหว่างของบริษัท สยามสปอร์ต กับ สมาคม มีจริงหรือไม่