“บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผย เอกสารสัญญาสิทธิประโยชน์ระหว่างสมาคมฟุตบอลฯ กับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ต้องให้ประธานสโมสรเข้ามาดูเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ไม่สามารถเผยแพร่ได้ ด้าน “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ โต้ สมาคมฟุตบอลฯ มีคำว่า “แห่งประเทศไทย” ไม่ใช่นิติบุคคลทำไมถึงเปิดเผยไม่ได้ พร้อมแขวะส่งหนังสือตอบรับเข้าแข่งขันปีหน้า ตอนบอลเตะมาไม่กี่นัด ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์
เมื่อวันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2555 ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เวลา 14.00 น.ตัวแทน 18 สโมสรไทยพรีเมียร์ลีก นำโดย นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี และตัวแทนจากสโมสรอื่นๆ รวม 17 สโมสร ขาดแต่เพียงตัวแทนจากทีมทีทีเอ็ม เชียงใหม่ ได้มีการประชุมร่วมกับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด โดยมี นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคม และ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง เป็นผู้ชี้แจง ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ได้มี วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทยร่วมประชุมด้วย
วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลไทย ได้กล่าวว่า “ตอนนี้ทางสมาคมได้ส่งเอกสารตอบรับไปให้ทุกสโมสรแล้ว เพื่อตอบรับว่า ในฤดูกาลหน้าแต่ละสโมสรมีความประสงค์จะเข้าร่วมการแข่งขันต่อหรือไม่ ซึ่งก็ได้ระบุถึงสิทธิประโยชน์ที่แต่ละทีมจะได้รับไว้แล้วเมื่อตอนต้นฤดูกาล เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่พอใจก็มาคุยต่อหน้ากัน ไม่ต้องไปพูดลับหลัง หรือทำหนังสือเผยแพร่ตามเว็ปไซต์”
“ส่วนเรื่องที่ตัวแทนจากทางสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก ได้ส่งหนังสือขอดูเอกสารสัญญาที่ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ทำไวกับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผมได้พิจารณาดูแล้วว่า มีผู้ลงนามรับรองในเอกสารหลายคนที่ไม่ประสงค์ จะเข้ามาตรวจสอบ อย่างเช่น คุณไบรอัน มาคาร์ ประธานสโมสรบีอีซี เทโรศาสน และอีกหลายๆ สโมสร แต่ถึงอย่างนั้นทางสมาคมก็พร้อมที่จะเปิดเผยเอกสารดังกล่าว แต่มีข้อแม้ว่า ต้องให้ประธานสโมสรเป็นผู้เข้ามาดูกับทางสมาคมตัวต่อตัวเท่านั้น ไม่สามารถเปิดเผยหรือทำเสาเนาได้ ซึ่งเป็นไปตามกฎทางธุรกิจ ส่วนเอกสารของทาง บ.สยามสปอร์ต ก็เหมือนกันถ้ามีข้อสงสัยก็สามารถเข้าไปดูที่ทางบริษัทได้ตลอดเวลา” นายกยี เผย
ด้าน เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่นั่งเงียบตลอดการประชุม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า “ผมก็คงต้องเข้าไปดูที่ บ.สยามสปอร์ต เพื่อขอดูเอกสาร แต่ที่จริงสมาคมฟุตบอลไม่ใช่นิติบุคคล เพราะมีคำว่า “แห่งประเทศไทย” ตามหลัง ฉะนั้น ไม่ควรที่จะต้องมีการปิดบังสัญญา ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเรียกเข้าไปคุยกันแค่ 2 คน ที่ผมไม่พูดในวันนี้ ก็เพราะรู้แล้วว่าถ้าพูดไปจะได้คำตอบอย่างไร ส่วนเรื่องที่ทางสมาคมยื่นหนังสือให้กับแต่ละสโมสรเพื่อตอบรับว่าจะส่งทีมเข้าแข่งขันฤดูกาลหน้านั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่า จะยื่นทำไมตอนนี้ เพราะที่จริงสโมสรไหนที่พร้อมก็มีสิทธิ์ที่จะส่งทีมเข้าแข่งได้ มีที่ไหนบอลเตะมาแค่ไม่กี่นัด มาถามแล้วว่าปีหน้าจะส่งไหม ไม่น่ามาถามอะไรแบบนี้ ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างนึงเลยทีเดียว” บิ๊กเน ทิ้งท้าย
ในเรื่องของคลับไลเซนซิงนั้น “บังยี” ได้ให้ความมั่นใจว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะได้ยื่นเรื่องต่อ เอเอฟซี เพื่อขอยืดระยะเวลาการบังคับใช้ออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้ามีอะไรสงสัยให้ถามตน เพราะเป็นส่วนหนึ่งในบอร์ดการพิจารณาของ เอเอฟซี ไม่ใช่ไปดำเนินการติดต่อเองอย่างไม่เป็นทางการ
เมื่อวันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2555 ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เวลา 14.00 น.ตัวแทน 18 สโมสรไทยพรีเมียร์ลีก นำโดย นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี และตัวแทนจากสโมสรอื่นๆ รวม 17 สโมสร ขาดแต่เพียงตัวแทนจากทีมทีทีเอ็ม เชียงใหม่ ได้มีการประชุมร่วมกับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด โดยมี นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคม และ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง เป็นผู้ชี้แจง ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ได้มี วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทยร่วมประชุมด้วย
วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลไทย ได้กล่าวว่า “ตอนนี้ทางสมาคมได้ส่งเอกสารตอบรับไปให้ทุกสโมสรแล้ว เพื่อตอบรับว่า ในฤดูกาลหน้าแต่ละสโมสรมีความประสงค์จะเข้าร่วมการแข่งขันต่อหรือไม่ ซึ่งก็ได้ระบุถึงสิทธิประโยชน์ที่แต่ละทีมจะได้รับไว้แล้วเมื่อตอนต้นฤดูกาล เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่พอใจก็มาคุยต่อหน้ากัน ไม่ต้องไปพูดลับหลัง หรือทำหนังสือเผยแพร่ตามเว็ปไซต์”
“ส่วนเรื่องที่ตัวแทนจากทางสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก ได้ส่งหนังสือขอดูเอกสารสัญญาที่ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ทำไวกับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผมได้พิจารณาดูแล้วว่า มีผู้ลงนามรับรองในเอกสารหลายคนที่ไม่ประสงค์ จะเข้ามาตรวจสอบ อย่างเช่น คุณไบรอัน มาคาร์ ประธานสโมสรบีอีซี เทโรศาสน และอีกหลายๆ สโมสร แต่ถึงอย่างนั้นทางสมาคมก็พร้อมที่จะเปิดเผยเอกสารดังกล่าว แต่มีข้อแม้ว่า ต้องให้ประธานสโมสรเป็นผู้เข้ามาดูกับทางสมาคมตัวต่อตัวเท่านั้น ไม่สามารถเปิดเผยหรือทำเสาเนาได้ ซึ่งเป็นไปตามกฎทางธุรกิจ ส่วนเอกสารของทาง บ.สยามสปอร์ต ก็เหมือนกันถ้ามีข้อสงสัยก็สามารถเข้าไปดูที่ทางบริษัทได้ตลอดเวลา” นายกยี เผย
ด้าน เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่นั่งเงียบตลอดการประชุม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า “ผมก็คงต้องเข้าไปดูที่ บ.สยามสปอร์ต เพื่อขอดูเอกสาร แต่ที่จริงสมาคมฟุตบอลไม่ใช่นิติบุคคล เพราะมีคำว่า “แห่งประเทศไทย” ตามหลัง ฉะนั้น ไม่ควรที่จะต้องมีการปิดบังสัญญา ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเรียกเข้าไปคุยกันแค่ 2 คน ที่ผมไม่พูดในวันนี้ ก็เพราะรู้แล้วว่าถ้าพูดไปจะได้คำตอบอย่างไร ส่วนเรื่องที่ทางสมาคมยื่นหนังสือให้กับแต่ละสโมสรเพื่อตอบรับว่าจะส่งทีมเข้าแข่งขันฤดูกาลหน้านั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่า จะยื่นทำไมตอนนี้ เพราะที่จริงสโมสรไหนที่พร้อมก็มีสิทธิ์ที่จะส่งทีมเข้าแข่งได้ มีที่ไหนบอลเตะมาแค่ไม่กี่นัด มาถามแล้วว่าปีหน้าจะส่งไหม ไม่น่ามาถามอะไรแบบนี้ ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างนึงเลยทีเดียว” บิ๊กเน ทิ้งท้าย
ในเรื่องของคลับไลเซนซิงนั้น “บังยี” ได้ให้ความมั่นใจว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะได้ยื่นเรื่องต่อ เอเอฟซี เพื่อขอยืดระยะเวลาการบังคับใช้ออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้ามีอะไรสงสัยให้ถามตน เพราะเป็นส่วนหนึ่งในบอร์ดการพิจารณาของ เอเอฟซี ไม่ใช่ไปดำเนินการติดต่อเองอย่างไม่เป็นทางการ