xs
xsm
sm
md
lg

“สังเวียนผ้าใบสีเทา” การเมืองชักใยโค่นอำนาจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เสธ.วีป” ตีแผ่วงการกำปั้น
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - "มวยสากลสมัครเล่น" ถือเป็นความหวังสูงสุดของชาวไทยในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติทุกๆ 4 ปี ทว่าโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลับกลายเป็นว่าขุนพล "เสื้อกล้าม" คว้าโควตาได้เพียง 3 ราย โดย สายลม อาดี เจอพิษกรรมการจอดป้ายรอบแรกแพ้คะแนนดิบ กานี ซาอลาอูฟ จากคาซัคสถาน หลังครบ 3 ยกเสมอกัน 12-12 หมัด ขณะที่เส้นทางลุ้นเหรียญของทั้ง แก้ว พงษ์ประยูร และ ฉัตรชัย บุตรดี ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาย จึงไม่น่าแปลกใจหากมีใครตั้งข้อสังเกตนำเอาการบริหารงานของ "เสธ.อ้าย" พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นายกสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน มาเทียบกับผลงาน "เสธ.วีป" พลเอก ทวีป จันทรโรจน์ อดีตนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย

พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ได้รับการจับตามองตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างเอกฉันท์ให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย หลังจาก "บิ๊กหนุ่ม" กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ลงไปล้วงลูกด้วยตนเองจัดการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ จากการที่สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ หรือ ไอบา ขู่ถอดถอนสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ออกจากการเป็นสมาชิกภาพ เหตุไม่จัดการเลือกตั้งนายกสมาคมใหม่ตามกำหนดเส้นตายเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ก่อนหน้า กกท. สวมบทโหดด้วยการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2528 เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาสมาคมมวยสากลสมัครเล่นด้วยการตัดคำว่า "แห่งประเทศไทย" ออกจากการพ่วงท้ายสมาคมแล้วก็ตาม

โดยภารกิจแรกของ "เสธ.อ้าย" คือการสานสัมพันธ์ ชิง กั๊วะ วู ประธานไอบา ที่ถูกตั้งข้อสังเกตเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสมาคมมวยฯ ของไทย หลังมีข้อขัดแย้งกับ "เสธ.วีป" ตั้งแต่ครั้งปักกิ่งเกมส์ 2008 ซึ่งแนวโน้มทำท่าจะดี เมื่อบิ๊กเสื้อกล้ามชาวไต้หวันยกขบวนตัวแทนสมาชิกจาก 100 ชาติ มาจัดประชุมใหญ่ที่ประเทศไทยเดือนมกราคมที่ผ่านมา เมื่อบรรยากาศมาคุนอกสังเวียนจางลง พลเอกบุญเลิศ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าทัพนักมวยมีสิทธิคว้าโควตาไป "ลอนดอนเกมส์" มากกว่า 3 ใบจากที่ได้มาแล้วจาก แก้ว พงษ์ประยูร (รุ่น 49 กก.), ฉัตรชัย บุตรดี (52 กก.) และสายลม อาดี (60 กก.) ทว่าที่สุดแล้วก็ไม่มีเสื้อกล้ามชาย-หญิงคนใดได้ตั๋วเพิ่มเติม แต่เป้าหมายในการลุยมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศอังกฤษ ยังคงเดิมถึงขนาดที่ "เสธ.อ้าย" ลั่นวาจาถ้าไม่มีเหรียญทองติดมือกลับมา พร้อมสละเก้าอี้ในทันที

ซึ่งความพ่ายแพ้ของ สายลม อาดี ถือเป็นตะปูตัวแรกที่ตอกย้ำคำสัญญาที่ให้ไว้ ในขณะเดียวกันยังบ่งชี้ให้เห็นว่า เกมนอกสังเวียนของไทยยังไม่อยู่ในข่ายต่อกรกับชาติสมาชิกใหญ่ๆ พาวเวอร์ภายในสหพันธ์ฯ ของ "มือใหม่หัดขับ" ไม่มีเอาเสียเลย เรื่องนี้ พลเอกทวีป ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Sport ทำนองสอนเชิงมวยให้เฮดขุนพลเสื้อกล้ามไทยรับทราบในหลายประเด็นเริ่มจาก "ถ้าเราเตรียมพร้อม สร้างมวยของเราให้เก่งที่สุดในโลกอย่างครั้งที่ สมรักษ์ คำสิงห์ ได้เหรียญทองแอตแลนตาเกมส์ ถึงสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1996 หรือ สมจิตร จงจอหอ ได้ทองที่ปักกิ่งเกมส์ เมื่อสี่ปีก่อน ก็ตัดปัญหาเรื่องที่เราจะโดนใครโกงไปได้แน่นอน"

"กรณีผลการตัดสินที่ค้านสายตาในคู่ของ สายลม กับนักชกคาซัคสถาน ผมไม่สามารถพูดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่ามีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นหรือไม่ ดูเหมือนครั้งที่ อำนาจ รื่นเริง พ่ายในรอบก่อนรองชนะเลิศต่อ เซอร์ดัมบา ปูเรฟดอร์จ ของมองโกเลีย เมื่อสี่ปีก่อนดูชัดเจนกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ามวยสากลสมัครเล่นก็ยังเป็นการตัดสินด้วยสายตา คงต้องยอมรับในคำตัดสินของกรรมการ ดังนั้นผมอยากให้ผู้ดูแลทีมมวยฯ ของเรา ณ ปัจจุบัน ต้องทำความเข้าใจถึงเกมนอกสังเวียนด้วย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการชกบนผืนผ้าใบเท่านั้น"

"ส่วนเรื่องที่มีใครตั้งข้อสังเกตว่าความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่าง ชิง กั๊วะ วู ประธานไอบาคนปัจจุบัน กับสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ ในยุคของผมนั้นยังฝังลึกอยู่หรือไม่ การคว้าเหรียญทองของ สมจิตร และการได้เหรียญเงินของ มนัส บุญจำนงค์ ที่จีนเมื่อปี 2008 ถือเป็นคำตอบที่ชัดเจน อย่างไรก็ดี มวยสากลสมัครเล่นทุกวันนี้ก็ไม่ได้ใสสะอาดทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ และก็ใช่ว่าหนึ่งบวกหนึ่งผลลัพธ์ต้องเป็นสองเสมอไป ผู้ใหญ่ของสมาคมมวยฯ ชุดนี้ไม่จำเป็นต้องไปคุยเป็นการส่วนตัวกับ ชิง กั๊วะ วู ถึงโอกาสให้เราได้เหรียญทองอะไรหรอก แค่ปกป้องไม่ให้นักมวยเราโดนรังแกนอกสังเวียนก็พอ หลายคนคิดว่ามีการแบ่งเค้กแบ่งเหรียญรางวัลกันได้ บ้างก็คิดว่าเงินสามารถซื้อเหรียญทองโอลิมปิกได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นผมคงไม่ต้องเหนื่อยทุ่มเทแรงกายแรงใจให้วงการมานานตราบจนทุกวันนี้ จึงกล้าพูดได้เลยว่าถ้ามวยคุณไม่พร้อมไม่เก่งจริง เงินร้อยล้านพันล้านก็บันดาลเหรียญทองไม่ได้ ในทางกลับกันมันจะเป็นการประจานให้ชาวโลกเห็นด้วย ดังนั้นสุภาษิตที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จึงยังใช้ได้อยู่เสมอ"

"สมัยผมเป็นนายกสมาคมมวยฯ ไม่ใช่แค่นั่งในตำแหน่งเท่านั้น ผมต้องเข้าไปคลุกคลีกับตัวแทนจากชาติสมาชิกอื่นๆ รวมถึงเหล่ากรรมการซึ่งก็เห็นหน้าค่าตากันอยู่ ไม่ใช่ว่าเราต้องไปล็อบบี้ใครก่อนการแข่งขัน แต่เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์เอาไว้ บารมีไม่สามารถก่อเกิดขึ้นได้ภายใน 2-3 วัน ผมคร่ำวอดกับวงการมวยมากกว่า 20 ปี ทำทีมไปโอลิมปิก 4 สมัย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติมาแล้วมากมาย เวลานักมวยขึ้นชก ผมจะไปเชียร์ถึงขอบเวที เชื่อว่ากรรมการหลายท่านต้องมีความเกรงอกเกรงใจกันบ้าง ที่สำคัญผู้นำต้องมีความรู้เกี่ยวกับมวยจริงๆ พร้อมเสียสละ การบริหารถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ก่อนนำคณะนักมวยไปแข่งโอลิมปิกทุกครั้ง ผมต้องพาทีมไปล่วงหน้ากว่า 2 สัปดาห์ ทุกครั้งผมจะมีทีมจิตวิทยาและทีมวิทยาศาสตร์การกีฬาไปด้วย เพื่อศึกษาวิเคราะห์คู่แข่ง ดูสไตล์การชกและสมรรถภาพคู่ต่อสู้ เพื่อนำไปประมวลส่งผลให้โค้ชได้ปรับแผนกับนักชกเรา ทุกอย่างต้องวางแผนล่วงหน้า ไม่ใช่ว่าก่อนมาลอนดอน นักมวยยังขลุกอยู่ที่ไทยรอวันบินไปแข่งไม่นาน ที่ต้องไปก่อนก็เพื่อลงนวม ศึกษาความพร้อมของคู่แข่งจากหลายๆ ชาติด้วย นอกเหนือจากการศึกษาฟอร์มการเล่นจากเทปการแข่งขัน ทั้งยังต้องให้นักมวยคุ้นกับสภาพของประเทศและสถานที่แข่งขัน"

"อย่างไรก็ดี ในฐานะคนไทยคนหนึ่งและเคยสัมผัสกับนักชกที่ปั้นมากับมือ ผมยังเชื่อว่า แก้ว พงษ์ประยูร และฉัตรชัย บุตรดี น่าจะพอมีหวังไปถึงรอบลึกๆ โดยเฉพาะ แก้ว อาจมีเหรียญกลับมา ส่วนเรื่องที่ว่า พลเอก บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ จะรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมมวยฯ หรือไม่ตามที่เคยสัญญาว่าถ้าไม่มีเหรียญกลับมา ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็น และผมก็จะไม่กลับไปรับตำแหน่งด้วย อยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน ทว่าคงต้องทุ่มเทกันมากหน่อย เรื่องบริหารจัดการผมยินดีให้คำแนะนำถ้าท่านผู้นั้นต้องการ เพราะผมก็อยากให้มวยสากลสมัครเล่น กีฬาที่ผมรักและทุ่มเทแรงใจแรงกายมาตลอด 20 ปี ยังยืนหยัดอยู่ในท็อป 5 ของโลกให้ได้ต่อไป"

"แต่ถ้าจะตามหาผู้รับผิดชอบกรณีทัพเสื้อกล้ามไทยชดเหรียญรางวัลลอนดอนเกมส์ ผมคิดว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างมาก การใช้อำนาจแทรกแซงจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เปลี่ยนชื่อสมาคมเป็นมวยสากลแห่งประเทศไทย ถือเป็นการทำผิดกฎหมายชัดเจน เรื่องนี้ยังอยู่ในชั้นศาล การไปเชื่อ ชิง กั๊วะ วู ที่ขู่จะตัดไทยออกจากการเป็นสมาชิกภาพของไอบา ถือเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล เพราะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ อีกทั้งศาลโลกก็สั่งคุ้มครองให้สมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยภายใต้การดูแลของผมยังสามารถแข่งขันรายการต่างๆ ภายใต้ไอบาได้ตามปกติ การเข้ามาแทรกแซงครั้งนี้ดูเหมือน กกท.ได้รับใบสั่งจากกลุ่มการเมือง อีกทั้งการเข้าล้วงลูกของ กกท.ในหลายสมาคมฯ ทำให้ปัญหาตามมาไม่หยุดหย่อนทั้ง มวยสากลสมัครเล่น, บาสเกตบอล หรือว่า ยิงปืน ซึ่งผลที่ออกมาคือ การไม่มีเสถียรภาพ การเตรียมงานไม่ต่อเนื่อง มีอย่างที่ไหนการเปลี่ยนแปลงควรได้เห็นสิ่งที่ดีขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม การได้โควตาไปต่อยโอลิมปิกเกมส์แค่ 3 รุ่น เท่ากับว่าเราย้อนกลับไปนับหนึ่งสมัยเมื่อปีค.ศ.1968 สมัยผมทำงานได้โควตาไม่เคยต่ำกว่า 6 รุ่น และก็สร้างรอยยิ้มให้คนไทยได้เสมอ ที่ผมให้นักมวยที่ดูแลชุดนี้ไปแข่งลอนดอนเกมส์ในการบริหารของสมาคมฯ ชุดใหม่ ทั้งหมดที่ทำไปเพราะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก"

"ที่ผ่านมาผมยึดหลักความถูกต้อง ผมต้องสู้ให้ถึงที่สุด สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับ ชิง กั๊วะ วู เพราะผมไม่พอใจการทำหน้าที่ของกรรมการในโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่เขาควบคุมดูแลอยู่ ทั้งในคู่ของ อำนาจ และการที่ มนัส บุญจำนงค์ ดีกรีเหรียญทองเอเธนส์เกมส์ ที่ต้องแพ้มวยโนเนมอย่าง เฟลิกซ์ ดิอาซ ของสาธารณรัฐโดมินิกัน เมื่อผมแสดงความไม่พอใจ มร.วู ก็บอกว่าผมเป็นพวกรู้อะไรไปเสียหมด จึงส่งจดหมายเวียนไปยังชาติสมาชิกเพื่อหาเรื่องเล่นงานผมจนได้ สุดท้ายเป็นอย่างไร ผมชนะทุกคดีกับไอบาในการต่อสู้บนศาลกีฬาโลก แต่มันคือสิ่งที่เจ็บปวดกับการต้องต่อสู้โดยไม่มีใครหนุนหลัง ผมอยากยกตัวอย่างนายกสมาพันธ์มวยของโรมาเนีย ที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกลางเพรสเซ็นเตอร์ถึงความไม่โปร่งใสในการตัดสินมวยโอลิมปิก ปรากฏว่า ชิง กั๊วะ วู สั่งดำเนินการเอาเรื่อง ทว่าการกีฬาภายในโรมาเนียสั่งหนุนหลังคนของเขาเต็มที่ ถึงวันนี้นายกสมาพันธ์มวยโรมาเนียคนนั้น ก็ยังได้ทำหน้าที่ถึงทุกวันนี้ บางครั้งผมก็อยากทวงถามความถูกต้องจากผู้ใหญ่ในวงการกีฬาไทยเช่นกัน เพราะไม่ใช่ว่าใครที่มีอำนาจอยู่ในมือจะเป็นฝ่ายถูกอยู่เสมอ ถ้าเราไม่สู้กับสิ่งที่รู้แก่ใจว่ามันผิด ก็ต้องรับสภาพยอมโดนรังแกกันตลอดไป"

"อันที่จริง ชิง กั๊วะ วู ถือเป็นเพื่อนสนิทผมคนหนึ่งก็ว่าได้ แต่ผมคิดว่าเขายังไม่เต็มร้อยให้วงการมวยสากลสมัครเล่นเสียทีเดียว ไม่เหมือนกับ อัลวา ชอว์ดรี ประธานสหพันธ์คนก่อน แม้หลายคนมองว่า ชอว์ดรี ชาวปากีสถานที่เสียชีวิตไปแล้วเป็นมาเฟียแห่งวงการ แต่เท่าที่รู้จักกันมา ชอว์ดรี พยายามทำให้กีฬาที่เขารักใสสะอาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ครั้งหนึ่งประธานสมาพันธ์มวยฯ ไต้หวัน กระซิบบอกผมทำนองว่าเขาเตรียมเงินมาจำนวนหนึ่ง โดยเขาฝันมาตลอดว่าอยากให้ลูกชายได้ตำแหน่งแชมป์ในเวิลด์แชมเปียนชิปที่เคยจัดขึ้นที่ไทย ผมกับชอว์ดรี ได้แต่หัวเราะพร้อมตอบกลับไปว่าถ้ามวยคุณไม่เก่งจริง เงินเท่าไหร่ก็ซื้อแชมป์ไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าทัวร์นาเมนต์มวยใหญ่ๆ ไม่ได้ต่อยแค่ไฟต์เดียว ไม่มีใครโกงให้คุณได้ทุกรอบ"

นี่ถือเป็นเพียงบางเรื่องราวจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสตลอดการคลุกคลีในวงการมวย 20 ปี ทั้งนี้ พลเอกทวีป จันทรโรจน์ แย้มกับทีมข่าว MGR Sport เป็นการทิ้งท้ายว่า ตนมีความคิดที่จะเขียนหนังสือออกมาสักเล่ม เพื่อตีแผ่ความจริงทั้งที่หลายคนไม่รู้และบางคนรู้ดีแก่ใจ รวมถึงหลักการบริหารมวยสากลสมัครเล่นให้ประสบความสำเร็จออกมาในเร็ววันนี้ เพื่อเป็นวิทยาธานให้แก่คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป
“เสธ.อ้าย” แบกภาระหนัก
“ชิง กั๊วะ วู” มาเฟียไอบา?
“สายลม” พ่ายเป็นกรณีศึกษา
กำลังโหลดความคิดเห็น