คณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา รับโอกาสที่ทัพนักกีฬาไทย จะคว้า 2 ทอง 2 เงิน รั้ง 31 เหมือนเมื่อปี 2008 เป็นเรื่องยาก แต่ยันพร้อมร่วมด้วยช่วยกันผลักดันแนวทางพัฒนา พร้อมกระตุ้นรัฐให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จและพลาดหวัง ขณะที่ “บิ๊กแนต” รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทย เชื่อ ยังมีลุ้นเหรียญจากทั้ง มวยสากลสมัครเล่น และ เทควันโด ชี้ เหตุผลงานทัพไทยไม่เปรี้ยง เนื่องจากซิวโควตาร่วมมหกรรมกีฬาหนนี้น้อยเกินไป
หลังจากที่คณะกรรมาธิการการกีฬาวุฒิสภา ที่มี นางนฤมล ศิริวัฒน์ เป็นประธาน ได้เดินทางไปเยือนและศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การจัดการเรียนการสอนกีฬา และสังเกตการณ์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2012 ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ประเทศอังกฤษ ล่าสุด นางนฤมล กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา แม้ผลงานของนักกีฬาไทยในลอนดอนเกมส์อาจจะยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ก็ต้องชื่นชมทุกคนที่พยายามกันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาจาก มวยสากลสมัครเล่น, ยกน้ำหนัก หรือกระทั่ง แบดมินตัน ซึ่ง กมธ.กีฬาวุฒิสภา ก็จะร่วมช่วยกันผลักดันในแนวทางของการพัฒนา และที่สำคัญ นักกีฬาก็ควรจะได้รับการดูแลจากรัฐ เพื่อก่อให้เกิดความมุ่งมั่นในการที่จะยกระดับตัวเอง
นางนฤมล ศิริวัฒน์ เผยว่า “เราอาจจะเห็นความสำเร็จของนักกีฬาจีน แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างเขาพร้อมแม้กระทั่งการเก็บตัวที่อังกฤษ จีนก็เดินทางมาล่วงหน้า 3-4 เดือน อย่างไรก็ตาม แม้เรายังตามหลังจีน และอีกหลายประเทศ แต่ กมธ.กีฬาวุฒิสภา เห็นว่า แม้หลายคนจะตกรอบแต่ก็ต้องเดินต่อไป เพราะบุคคลเหล่านี้ คือ ทรัพยากรไทยที่ควรให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เหมือนดังหลายประเทศชั้นนำด้านกีฬาของโลกที่เขาให้ความสำคัญ”
ประธาน กมธ.กีฬาวุฒิสภา กล่าวอีกว่า ยอมรับว่า ความหวังที่เราจะคว้าได้ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน เหมือนเมื่อครั้งปี 2008 อาจจะดูเป็นเรื่องยาก แต่หากเด็กไทยทำได้ 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ก็ถือว่าว่าโอเคแล้ว เมื่อเทียบกับสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ค่อยจะปกติ
ขณะที่ “บิ๊กแนต” ดาโต๊ะ ชรี ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทั้ง สมาคมกีฬา, คณะกรรมการโอลิมปิก รวมทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ช่วยกันสนับสนุนอย่างเต็มที่มาโดยตลอด แต่ขณะเดียวกัน เราก็ต้องมองชาติอื่นที่เขาก็พัฒนาเช่นกันด้วย อย่างไรก็ตาม ตนยังมองว่า ผลงานของนักกีฬาไทยยังไม่ได้ขี้เหร่ เนื่องจากเรายังมีความหวังจากการแข่งขันรายการต่างๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นจาก มวยสากลสมัครเล่น หรือ เทควันโด
“โอลิมปิกครั้งนี้ ต้องยอมรับว่า นักกีฬาเราผ่านรอบควอลิฟายเข้ามาน้อย ซึ่งอาจจะเป็นอุทาหรณ์ให้เรามีการตื่นตัวตั้งแต่ก่อนรอบคัดเลือก เพื่อให้ได้โควตาเข้าร่วมการแข่งขันมากที่สุด บางคนอาจจะมองเหตุผลไทยได้โควตาน้อย ก็เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสมาคม ทำให้มีเวลาในการเตรียมความพร้อมไม่มาก ซึ่งก็แล้วแต่ใครจะมอง แต่ผมก็เชื่อว่าโอลิมปิกครั้งต่อไป เราจะได้โควต้านักกีฬา รวมถึงประเภทกีฬาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม